ในบทความนี้ คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับ:
- บิทคอยน์คืออะไร และอะไรมีผลกระทบต่อมูลค่าของมัน
- บล็อคเชน เทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังสกุลเงินคริปโท คืออะไร
- บิทคอยน์ทางเลือกหรือเป็นที่รู้จักอีกอย่างหนึ่งว่า“altcoins” คืออะไรและมีอะไรบ้าง
เมื่อพิจารณาลักษณะบางอย่างเหมือนของตั๋วลอตเตอรี่ บิทคอยน์และสกุลเงินคริปโทอื่นๆ ได้สร้างมาตรฐานของตัวเองว่าเป็นสินค้าตามกฏหมายสำหรับพอร์ตโฟลิโอสำหรับการลงทุน ความจริงแล้ว ‘การปฏิวัติดิจิทัล’ นี้สามารถเทียบได้กับการเพิ่มมูลค่าของทองในยุคที่ทองเฟื้องฟูในศตวรรตที่ 19 โดยมูลค่าของสินค้าทะยานขึ้นตามความสนใจที่เพิ่มขึ้นจากทั่วโลกอย่างร้อนแรง แต่จริงๆ แล้วสกุลเงินคริปโทคืออะไร และคุณสามารถที่จะมีส่วนร่วมในการลงทุนบนเทคโนโลยีที่กำลังได้รับความสนใจอย่างล้มหลามนี้ โดยไม่มีความรู้เกี่ยวกับ IT ได้อย่างไร? อะไรที่คุณจะต้องรู้เกี่ยวกับตราสารลึกลับเหล่านี้? หาคำตอบได้ในบทความนี้
บิทคอยน์คืออะไร?
บิทคอยน์เป็นรูปแบบหนึ่งของสกุลเงินดิจิทัลที่ถือกันทางอิเล็กทรอนิกส์ ไม่เหมือนกันสกุลเงินทางกายภาพทั่วไป เช่น ดอลล่าร์ หรือยูโร บิทคอยน์ไม่สามารถนำไปพิมพ์ได้ ในทางตรงกันข้าม พวกมันถูกผลิตโดยกลุ่มคนที่ใช้คอมพิวเตอร์ที่มีอยู่ทั่วโลก โดยการใช้ซอฟต์แวร์ที่สามารถแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์
ความแตกต่างที่โดดเด่นอีกอย่างหนึ่งระหว่างสกุลเงินคริปโทและสกุลเงินทางกายภาพก็คือธนาคาร เป้าหมายของธนาคารกลางก็คือการสร้างความมั่นคงแก่สกุลเงินของธนาคารกลางนั้นเอง อย่างไรก็ตามธนาคารบิทคอยน์จะไม่มีอะไรแบบนั้น ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะว่าบิทคอยน์เป็นธนาคารในตัวมันเองอยู่แล้ว สมุดบันทึกการชำระเงินที่เป็นอิสระของมันจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถาะผู้ถือของผู้ใช้บิทคอยน์ทั้งหมด และประวัติของการทำธุรกรรมระหว่างผู้ใช้ทั้งหมด อะไรอีกเหรอ มีการจำกัดจำนวนของบิทคอยน์ ซึ่งเป็นการจำกัดหน้าที่ของสถานบันที่ให้คำแนะนำในการใช้บิทคอยน์ ลองมาดูกันว่าบิทคอยน์มีการทำงานอย่างไร
ในขณะที่ธนาคารกลางพิมพ์ธนบัตร บิทคอยน์มีจำนวนจำกัด: ภายในปี 2140 จะมีจำนวนบิทคอยน์ในระบบทั้งสิน 21,000,000 ดังนั้นคุณจะบอกได้ว่ามันเหมือนกับในกรณีของทอง ที่เรามีปริมาณของทรัพยากรของบิทคอยน์ที่จำกัด นอกจากนั้นแล้วจำนวนของบิทคอยน์ที่เข้าสู่ระบบเสมือนเป็นรางวัลให้กับนักแสวงหาผลกำไรจะลดลงในลักษณะที่มีการกำหนดไว้ล่วงหน้า ทุกๆ 210,000 บล็อค (4ปี) รางวัลสำหรับการแสวงหาผลกำไรจะตกลงประมาณครึ่งหนึ่ง ในตอนแรกมันอยู่ที่ 50 BTC, จากนั้นมันจะเหลืออยู่ 25 BTC และในปัจจุบัน(10.08.2017) ราคาอยู่ที่ 12.5 BTC ผู้ที่บุกเบิกจากขุดมูลค่าของบิทคอยน์สามารถได้กำไรมากที่สุด ที่ค่าใช้ใช้จ่ายน้อยที่สุด ในปัจจุบันมีจำนวนของบิทคอยน์อยู่ที่ประมาณ 16,500,000 ในระบบ ดังนั้นมีเพียงแค่ 4,500,000 BTC คงเหลืออยู่ในระบบ ที่เราสามารถที่จะหากำไรได้ และอุปทานของบิทคอยน์ในระบบจะถูกทำลายลง ด้วยปัจจัยภาวะเงินฝืดสำหรับสกุลเงินคริปโทนี้
บล็อคเชน เทคโนโลยี - หัวใจของบิทคอยน์และสกุลเงินคริปโทอื่นๆ
วิธีการเข้ารหัสของบิทคอยน์ที่เกิดขึ้นเป็นการปฏิวัติในด้านของเทคโนโลยีข้อมูล - บล็อคเชน เทคโนโลยี
ลองมาสาธิตการทำงานของเทคโนโลยีนีด้วยตึกที่บล็อคๆ กันเถอะ ตึกเป็นสัญลักษณ์แทนสถานะล่าสุดของบัญชีสกุลเงินคริปโท (ของใครมีเท่าไหร่) จะถูกมองเห็นโดยผู้ใช้บิทคอยน์ทั้งหมด แต่ละบล็อคจะประกอบด้วยข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมใหม่ทั้งหมด ที่จะเปลี่ยนไปตามสถานะบัญชีล่าสุด
สำหรับบล็อคใหม่ที่จะเพิ่มเข้าไปในตึกต้องถูกถอดรหัสและตรงกับบล็อคอื่นๆ ในตึกนั้น เมื่อกลไกนี้เกิดขึ้นมันจะถูกต่อเพิ่มเข้าไปในตึก และดังนั้นธุรกรรมใหม่ถือว่าเกิดขึ้นเสร็จสมบูรณ์ บิทคอยน์ในระบบจะถูกถ่ายโอนระหว่างผู้ใช้บิทคอยน์
ถ้าหากเราพยายามที่จะลบหรือแทนที่บล็อคจากฐานของตึก โครงสร้างทั้งหมดจะถูกทำลาย เพราะว่าแต่ละบล็อคในตึกนั้นมีข้อมูลเดียวกันกับบล็อคก่อนหน้ามัน ซึ่งถูกเข้ารหัสเอาไว้ในตัวมันด้วย การแทนที่บล็อคใดบล็อคหนึ่งด้วยข้อมูลอื่น (ตัวเลขอื่น หรือ Cipher) จะทำให้บล็อคนั้นไม่สามารถเข้ารหัสกับบล็อคก่อนหน้าได้ อะไรอีกนะเหรอ? พวกมันจะหยุดเชื่อมต่อกับบล็อคถัดไปทั้งหมด สุดท้าย ข้อมูลที่ถูกเก็บอยู่ในตึกนี้จะถูกคิดว่าเป็นข้อมูลปลอม นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมคนถึงคิดว่าบล็อคเชนเทคโนโลยีเป็นเทคโนโลยีสุดล้ำในเรื่องของความปลอดภัย
ดังนั้นแล้วใครละที่กำลังเข้ารหัสบล็อคตัวถัดไปของตึกเหล่านี้? และมีกลไกของกระบวนการนี้ เกิดขึ้นอย่างไร? คนที่เป็นคนเข้ารหัสจะถูกอ้างถึงในนามของ ‘miner - หรือนักขุดมูลค่าของบิทคอยน์’ พวกเขาจะใช้ซอฟต์แวร์ขั้นสูงในการขุดหาและสร้าง ‘เหมือง’ บิทคอยน์ การพาดพิงถึงอุตสาหกรรมเหมืองนี้หมายถึงการทำเหมืองทอง เพราะว่าบิทคอยน์เป็นรางวัลสำหรับการธุรกรรมจากการเข้ารหัสสำหรับนักขุดมูลค่าของบิทคอยน์ มันแค่เป็นวิธีที่บิทคอยน์ใหม่ถูกสร้างขึ้นและถูกใส่เข้าไปในระบบเท่านั้น ในจุดนี้คุณควรจะเข้าใจว่า ‘diggers หรือนักขุด’ เป็นคอมพิวเตอร์ราคาแพงและซับซ้อนที่ใช้พลังงานในการเปลี่ยนรหัสมหาศาล อย่างที่คุณก็ได้เห็นไปแล้วว่า บิทคอยน์เป็นตราสารสินค้าที่มีความซับซ้อน และเป็นบทเรียนบทใหม่สำหรับประวัติศาสตร์ตลาดการเงิน
ปัจจัยอะไรบ้างที่มีผลกระทบต่อมูลค่าของบิทคอยน์?
เกิดอะไรขึ้นเมื่อบิทคอยน์หมดไปและไม่มีความต้องการในการเอาผลประโยนชน์ของบิทคอยน์แล้ว? ทำไมนักขุดมูลค่าบิทคอยน์ทั้งหลายยังคงใช้พลังงานเพื่อให้คอมพิวเตอร์ใช้ในการคำนวณ เพื่อรักษาบิทคอยน์อยู่? ณ ปัจจุบันนี้ รางวัลบางอย่างของนักขุดมูลค่าบิทคอยน์คือค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรม ซึ่งในอนาคตจะเป็นผลลัพธ์สุทธิสำหรับนักขุดมูลค่าของบิทคอยน์ แต่ค่าใช้จ่ายนี้จะเพียงพอสำหรับนักขุดมูลค่าบิทคอยน์ในการจ่ายค่าใช้จ่ายของการใช้นักขุดที่เป็นคอมพิวเตอร์หรือไม่และเพียงพอที่เป็นรายได้สำหรับพวกเขาหรือเปล่า?
ปัญหาแรกและปัจจัยที่มีความสำคัญที่สุด - ค่าใช้จ่ายในการใช้นักขุดที่เป็นคอมพิวเตอร์ ขึ้นอยู่กับตัวแปรต่างๆ ที่แสดงอยู่ดังต่อไปนี้:
- ค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน และทรัพยากรพลังงานที่ถูกใช้ไป (ราคาค่าไฟฟ้า, แหล่งพลังงานหมุนเวียน เป็นต้น)
- การพัฒนาของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ใหม่ๆ (การลดการใช้กระแสไฟ)
- การเติบโตในอุปสงค์สำหรับพลังงานที่คอมพิวเตอร์ใช้ในการคำนวณ
ด้วยการที่บิทคอยน์ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น อุปสงค์สำหรับพลังงานที่คอมพิวเตอร์ใช้ในการคำนวณก็เพิ่มขึ้นด้วย ทำให้มูลค่าของบิทคอยน์อาจจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย อย่างที่มันถูกระบุเอาไว้ว่าจำนวนของบิทคอยน์มีจำนวนจำกัด ด้วยการที่มีอุปทานคงที่ อุปสงค์ที่ของคนที่ต้องการบิทคอยน์เพิ่มขึ้นสามารถทำให้ราคาของบิทคอยน์พุ่งสูง มีปัจจัยอีกอย่างหนึ่งที่ควรจะพิจารณา ตัวอย่างเช่น ถ้ามีความตรึงเครียดของการเมืองเกิดขึ้นหรือเทรดเดอร์สูญเสียความศรัทธนาในสกุลดั้งเดิมทั่วๆ ไป บิทคอยน์อาจจะมีการเพิ่มมูลค่าก็เป็นได้ สกุลเงินคริปโทเป็นสินค้าใหม่และเป็นสินค้านักปฏิวัติ ดังนั้นมีความเป็นไปได้ที่ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ที่อาจจะมีผลกระทบต่อมูลค่าของบิทคอยน์อาจจะเปลี่ยนไปตามกาลเวลาด้วย
สกุลเงินคริปโทอื่นๆ
มีสกุลเงินคริปโทอื่นๆ ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ความสำเร็จของบิทคอยน์ได้นำไปสู่การพัฒนาของสกุลเงินคริปโททางเลือกหลายๆ สกุล ซึ่งมักจะถูกเรียกว่า “altcoins หรือ ออคอนย์” ออคอยน์ส่วนใหญ่เสนอการถือมันตามโปรโตคอลบิทคอยน์ และที่น่าสนใจก็คือสิทธิของมัน มันช่วยเช่นกันที่ราคาของสกุลเงินดิจิทัลเหล่านี้ยังคงมีราคาถูกและการซื้อหรือหาผลกำไรจากพวกมันทำได้ง่ายมากกว่าบิทคอยน์
ลองมาดูตัวอย่างออคอยน์ที่สำคัญที่สุดกันบ้าง:
- Litecoin (ไลท์คอยน์) - เหมือนกับออคอยน์ส่วนใหญ่ ที่ใช้โปรโตคอลบิทคอยน์เป็นพื้นฐาน แต่มันถูกออกแบบมาเพื่อทำให้เราแน่ใจได้ว่าการขุดหาผลประโยชน์มีราคาถูกกว่ามาก และมีความเสมอภาคมากกว่า BTC (บิทคอยน์)
- Ethereum (อีเธอร์เรียม) - หรือเรียกกันอีกอย่างหนึ่งว่า “Bitcoin 2.0” เป็นทางเลือกเพิ่มเติมจากบิทคอยน์ มูลค่าของมันเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อมีปัญหาเกี่ยวกับบิทคอยน์เกิดขึ้น และเมื่อมีประกาศการอัพเดตระบับของบิทคอยน์ อย่างหลังทำให้การชำระสินค้าผ่านอีเธอร์เรียมง่ายและรวดเร็วขึ้น
- Ripple (ริปเปิล) - peer-to-peer cryptocurrency แบบโอเพนซอร์ส เช่นเดียวกับ Bitcoin แต่ยังมีความสามารถขั้นสูงรวมถึงการทำธุรกรรมทันที
ในขณะที่บิทคอยน์ยังคงเป็นสกุลเงินที่ได้รับความนิยมที่สุดในกลุ่มสกุลเงินคริปโท Ethereum (อีเธอร์เรียม), Ripple (ริปเปิล), Litecoin (ไลท์คอยน์) และสกุลเงินอื่นๆ ก็กำลังได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน สกุลเงินคริปโทเป็นการปฏิวัติทางการเงินด้วยคุณลักษณะมากมายและการเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่างที่เพิ่มเข้ามา
การเทรด CFDs สร้างความเสี่ยงสูงต่อเงินทุนของคุณ และความผันผวนของตลาดเพิ่มระดับของความเสี่ยง