ควบคุมอารมณ์อย่างไรในการลงทุน?

บทความที่เกี่ยวข้อง:
เวลาอ่าน: 3 นาที
ควบคุมอารมณ์อย่างไรในการลงทุน?

การลงทุนในตลาดการเงินที่ผันผวนต้องอาศัยทั้งการควบคุมอารมณ์และการวิเคราะห์ข้อมูล อารมณ์มีบทบาทสำคัญต่อการตัดสินใจและมักส่งผลต่อผลลัพธ์ ดังนั้น การเข้าใจและจัดการความเสี่ยงจึงเป็นสิ่งจำเป็น ผลลัพธ์ในอนาคตของการตัดสินใจใด ๆ อาจไม่แน่นอน แต่การเรียนรู้ที่จะรับมือกับปัจจัยเหล่านี้คือกุญแจสู่ความสำเร็จ

เช่นเดียวกับนักดำน้ำลึก นักบินอวกาศ นักร้อง หรือนักกีฬา นักลงทุนต้องรับมือกับความเครียดและเรียนรู้วิธีควบคุมอารมณ์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหนือกว่า นักลงทุนระยะยาวรู้ดีว่าการอยู่นอกตลาดเพียงไม่กี่ช่วงการซื้อขายที่ดีที่สุดในแต่ละปีนั้นจำกัดผลตอบแทนที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมาก ดังนั้นพวกเขาจึงยอมรับความเสี่ยงและความผันผวน

และคงสถานะการลงทุนไว้ได้ตลอดหลายเดือน หลายปี และบางครั้งอาจถึงหลายทศวรรษ แต่กระบวนการทั้งหมดนี้จำเป็นต้องใช้วิธีการควบคุมอารมณ์ ปฏิกิริยาทางอารมณ์ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่การลงทุนด้วยเงินมากเกินไปมีความเสี่ยงมากกว่า ทั้งนักลงทุนระยะยาวและระยะสั้นต้องรับมือกับความไม่แน่นอน และไม่มีวิธีอื่นใดนอกจากการควบคุมอารมณ์ แล้วจะทำอย่างไร? และพื้นฐานของการควบคุมอารมณ์ในการลงทุนคืออะไร? มาสำรวจไปด้วยกัน

ประเด็นสำคัญ

  • แรงกระตุ้นทางอารมณ์ในตัวนักลงทุน เช่น ความกลัวหรือความโลภ และความมั่นใจในความสามารถในการซื้อขายมากเกินไป อาจนำไปสู่การตัดสินใจลงทุนที่ไม่ดี เช่น การขายแบบตื่นตระหนก ความกลัวพลาด (FOMO) หรือการขาดการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน
  • การเงินเชิงพฤติกรรมแสดงให้เห็นว่าอคติทางความคิดและอารมณ์มีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจทางการเงิน ซึ่งมักนำไปสู่การกระทำที่ไม่สมเหตุสมผล ซึ่งสามารถบรรเทาได้ด้วยกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงและการมีสติ
  • การใช้กลยุทธ์การลงทุนที่มีวินัย ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบพอร์ตการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ การกระจายความเสี่ยง และการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีหรือคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ สามารถช่วยให้นักลงทุนจัดการกับอารมณ์และตัดสินใจได้อย่างเป็นกลางมากขึ้น

ท็อป 10 คำแนะนำที่ควรรู้

สองคนนั่งอยู่ที่โต๊ะกำลังมองหน้าจอแท็บเล็ตด้วยกัน

Image source: Adobe Stock Photos

มีกฎพื้นฐานบางอย่างที่สามารถช่วยให้นักลงทุนทุกคนบรรลุเป้าหมายการลงทุนได้ แน่นอนว่าไม่มีสิ่งใดรับประกันความสำเร็จในการลงทุน แต่สิ่งที่ควรจำไว้คือ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับ ทฤษฎีกับการปฏิบัติจริง และสุดท้ายแล้ว การนำกฎเหล่านี้ไปใช้ใน “ชีวิตการลงทุนจริง” เท่านั้นที่มีความหมา ทั้งนักลงทุนระยะยาวและนักเก็งกำไรระยะสั้นต่างก็อาจพบสิ่งที่เป็นประโยชน์ได้จากหลักการด้านล่างนี้

  1. การทำความเข้าใจเกี่ยวกับการยอมรับความเสี่ยง: การรู้ว่าคุณสามารถรับความผันผวนได้มากน้อยแค่ไหนอย่างสบายใจ จะช่วยป้องกันการเทขายแบบตื่นตระหนกในช่วงที่ตลาดตกต่ำ และป้องกันการตัดสินใจอย่างหุนหันพลันแล่นในช่วงที่ตลาดอยู่ในระดับสูง
  2. ขนาดการลงทุนแบบอนุรักษ์นิยม: การลงทุนมากเกินไปมีความเสี่ยงเป็นพิเศษ เนื่องจากการตอบสนองที่มากเกินไปต่อการขาดทุนและความผันผวนของราคาในระยะสั้น อาจจำกัดศักยภาพเชิงกลยุทธ์ของคุณ โดยรบกวนความมั่นใจและความสงบสุขของคุณในระหว่างกิจกรรมประจำวัน
  3. ฝึกกระจายความเสี่ยง: กระจายการลงทุนของคุณไปยังสินทรัพย์ประเภทต่างๆ เพื่อลดความเสี่ยง การกระจายความเสี่ยงสามารถป้องกันผลกระทบจากผลการดำเนินงานที่ไม่ดีในการลงทุนใดๆ ได้
  4. หลีกเลี่ยงการติดตามตลาดอย่างต่อเนื่อง: หากคุณไม่ได้ซื้อขายในช่วงเวลาที่ต่ำมาก คุณไม่ควรดูตลาดทุกนาที การตรวจสอบการลงทุนของคุณเป็นประจำอาจนำไปสู่การตอบสนองที่มากเกินไปต่อความเคลื่อนไหวของตลาดในระยะสั้น กำหนดตารางเวลาสำหรับการตรวจสอบพอร์ตการลงทุนของคุณที่สอดคล้องกับกลยุทธ์ของคุณ
  5. ใช้ระบบอัตโนมัติเมื่อทำได้: พิจารณาใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น แผนการลงทุน: การปรับสมดุลอัตโนมัติ การจ่ายเงินสมทบอย่างสม่ำเสมอ และการนำเงินปันผลกลับมาลงทุนซ้ำโดยอัตโนมัติ เพื่อลดความอยากที่จะตัดสินใจโดยใช้อารมณ์
  6. ศึกษาเกี่ยวกับวัฏจักรของตลาด: การเข้าใจว่าตลาดมีวัฏจักรทั้งขาขึ้นและขาลง สามารถเตรียมความพร้อมทั้งทางอารมณ์และการเงินของคุณให้พร้อมรับมือกับความผันผวน
  7. ทบทวนการตัดสินใจในอดีต: ทบทวนการตัดสินใจลงทุนในอดีตอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเรียนรู้ว่าอะไรคือปัจจัยที่ขับเคลื่อนด้วยอารมณ์และกลยุทธ์ ใช้การทบทวนนี้เพื่อพัฒนาการตัดสินใจในอนาคต จำไว้ว่าคุณภาพการตัดสินใจนั้นลึกซึ้งกว่านั้นมาก แม้แต่การตัดสินใจที่เหนือกว่าก็อาจนำไปสู่ความสูญเสียได้
  8. ความเสี่ยงและผลตอบแทน: การลงทุนหรือการซื้อขายโดยคำนึงถึงความเสี่ยงควรพิจารณาจากขอบเขตความปลอดภัยและโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่เหนือกว่า หากมีความเสี่ยงสูง
  9. กำหนดเป้าหมายการลงทุนที่ชัดเจน: กำหนดสิ่งที่คุณต้องการบรรลุด้วยการลงทุนของคุณ (เช่น การเกษียณอายุ การซื้อบ้าน การสร้างความมั่งคั่ง) เป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยกำหนดทิศทางการตัดสินใจของคุณและควบคุมปฏิกิริยาทางอารมณ์
  10. พัฒนาแผนการลงทุนที่ดี: วางกลยุทธ์การลงทุนของคุณบนการวิจัยอย่างละเอียดและวิธีการที่พิสูจน์แล้ว แทนที่จะใช้ความรู้สึกหรือข่าวลือจากตลาด ยึดมั่นในแผนของคุณเพื่อรักษาวินัย แต่กำหนดอย่างชาญฉลาด

อคติทางความคิดในการลงทุน

ชายคนหนึ่งเดินในเขาวงกตเรืองแสง สื่อถึงการเดินทางแห่งการค้นพบ
 

Adobe Stock Photos

1. อคติยืนยัน

  • คำอธิบาย: อคตินี้ทำให้นักลงทุนเลือกข้อมูลที่ยืนยันความเชื่อหรือสมมติฐานที่มีอยู่ โดยไม่สนใจหลักฐานที่ขัดแย้งกับข้อมูลเหล่านั้น
  • ตัวอย่าง: หากนักลงทุนเชื่อว่าหุ้นตัวใดตัวหนึ่งน่าซื้อ พวกเขาอาจให้ความสนใจเฉพาะข่าวดีเกี่ยวกับบริษัทและเพิกเฉยต่อรายงานเชิงลบ ซึ่งนำไปสู่กระบวนการตัดสินใจที่คลาดเคลื่อน

2. การหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการขาดทุน

  • คำอธิบาย: นักลงทุนที่หลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการขาดทุนจะรู้สึกเจ็บปวดจากการขาดทุนมากกว่าความสุขจากกำไรที่เท่ากัน
  • ตัวอย่าง: นักลงทุนอาจถือหุ้นที่ขาดทุนไว้นานเกินไป โดยหวังว่าจะได้คืนทุนอย่างน้อยที่สุด แทนที่จะยอมรับความขาดทุนและนำเงินไปลงทุนในโอกาสที่มีโอกาสมากกว่า

3. อคติมั่นใจมากเกินไป

  • คำอธิบาย: อคตินี้เกิดขึ้นเมื่อนักลงทุนมีความเชื่อมั่นในสัญชาตญาณ ทักษะ หรือความรู้ของตนเองอย่างไม่มีเหตุผล
  • ตัวอย่าง: นักลงทุนประเมินความรู้เกี่ยวกับตลาดหุ้นของตนเองสูงเกินไป และทำการซื้อขายที่มีความเสี่ยงสูงแต่กลับไม่ประสบผลสำเร็จ ประเมินบทบาทของโอกาสต่ำเกินไปและประเมินทักษะการซื้อขายของตนเองสูงเกินไป

4. อคติการยึดเหนี่ยว (Anchoring Bias)

  • คำอธิบาย: นักลงทุนได้รับอิทธิพลจากเกณฑ์มาตรฐานหรือข้อมูลเบื้องต้นที่ได้รับ โดยนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้เป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจโดยไม่คำนึงถึงความเกี่ยวข้อง
  • ตัวอย่าง: หากนักลงทุนได้ยินว่าหุ้นเคยขึ้นไปถึง 200 ดอลลาร์ แต่ปัจจุบันอยู่ที่ 120 ดอลลาร์ พวกเขาอาจยืนกรานที่จะรอจนกว่าราคาจะขึ้นไปถึง 200 ดอลลาร์อีกครั้งก่อนที่จะขายหุ้น โดยไม่คำนึงถึงสภาวะตลาดหรือผลประกอบการปัจจุบันของหุ้น

5. ทัศนคติแบบฝูง (Herd Mentality)

  • คำอธิบาย: อคตินี้เกี่ยวข้องกับการทำตามสิ่งที่นักลงทุนคนอื่นทำ แทนที่จะตัดสินใจอย่างอิสระโดยอิงจากการวิจัยหรือเหตุผลของตนเอง
  • ตัวอย่าง: นักลงทุนซื้อสกุลเงินดิจิทัลบางสกุลเพียงเพราะกำลังได้รับความนิยมและราคาพุ่งสูงขึ้น โดยมองข้ามข้อเท็จจริงที่ว่าสินทรัพย์นั้นอาจมีราคาสูงเกินจริง และมีแนวโน้มที่จะซื้อในช่วงราคาสูงสุด

6. ความเข้าใจผิดของนักพนัน

  • คำอธิบาย: อคตินี้เกิดขึ้นเมื่อมีคนเชื่อว่าเหตุการณ์สุ่มมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยลงหลังจากเหตุการณ์หรือชุดเหตุการณ์ ความเข้าใจผิดนี้ทำให้เชื่อว่าความน่าจะเป็นในอนาคตถูกเปลี่ยนแปลงโดยเหตุการณ์ในอดีต ในขณะที่ในความเป็นจริงแล้วความน่าจะเป็นนั้นไม่เปลี่ยนแปลง
  • ตัวอย่าง: นักลงทุนอาจคิดว่าหลังจากที่มูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นติดต่อกันห้าวันแล้ว หุ้นจะ "มีกำหนด" ที่จะร่วงลงในวันถัดไป ความเชื่อนี้อาจนำไปสู่การขายก่อนกำหนดหรือหลีกเลี่ยงการซื้อ โดยอาศัยสมมติฐานที่ผิดพลาดว่าผลประกอบการของหุ้นจะต้องสมดุลในระยะสั้น

7. ลำดับความพร้อม

  • คำอธิบาย: ลำดับขั้นความพร้อมเป็นกระบวนการเสริมแรงตนเอง ซึ่งความเชื่อร่วมกันมีความน่าเชื่อถือมากขึ้นผ่านการกล่าวซ้ำๆ กันมากขึ้นในวาทกรรมสาธารณะ (หรือ “ความพร้อม”)
  • ตัวอย่าง: หากสำนักข่าวและบล็อกทางการเงินเสนอแนะซ้ำๆ ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยกำลังจะเกิดขึ้น นักลงทุนอาจเริ่มเชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยอาจเกิดขึ้นได้ แม้จะไม่มีหลักฐานที่เพียงพอ ซึ่งอาจนำไปสู่การขายแบบตื่นตระหนกโดยไม่จำเป็น

8. ผลกระทบจากการกำหนดกรอบ (framing effect)

  • คำอธิบาย: อคตินี้หมายถึงวิธีการนำเสนอข้อมูล ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการตัดสินใจและการตัดสินใจ วิธีการ “กำหนดกรอบ” ข้อมูลอาจนำไปสู่การตอบสนองทางอารมณ์ที่แตกต่างกันและการตัดสินใจที่เปลี่ยนแปลงไป
  • ตัวอย่าง: ตัวเลือกการลงทุนที่นำเสนอโดยมุ่งเน้นไปที่ศักยภาพในการหลีกเลี่ยงการขาดทุน 5% โดยทั่วไปแล้วจะน่าสนใจสำหรับนักลงทุนมากกว่าตัวเลือกที่ให้โอกาสในการทำกำไร 95% แม้ว่าในทางสถิติจะมีความเท่าเทียมกันก็ตาม 

9. ปรากฏการณ์ตามกระแส

  • คำอธิบาย: ปรากฏการณ์ตามกระแสเป็นปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาที่ผู้คนทำบางสิ่งบางอย่างเป็นหลักเพราะคนอื่นทำ โดยไม่คำนึงถึงความเชื่อของตนเอง ซึ่งพวกเขาอาจเพิกเฉยหรือมองข้าม
  • ตัวอย่าง: นักลงทุนอาจตัดสินใจลงทุนในหุ้นตัวใดตัวหนึ่งเพียงเพราะเป็นตัวเลือกยอดนิยมในหมู่นักลงทุน หรือเป็นกระแสในฟอรัมการลงทุน แทนที่จะลงทุนในหุ้นตัวนั้นเพราะการประเมินศักยภาพของหุ้นอย่างมีวิจารณญาณโดยอิงจากการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน

การเข้าใจอคติเหล่านี้สามารถช่วยให้นักลงทุนตระหนักถึงแนวโน้มของตนเอง และมุ่งมั่นที่จะตัดสินใจลงทุนอย่างสมดุลและรอบคอบมากขึ้น

แผนภูมิอคติทางปัญญาพร้อมภาพประกอบที่อธิบายแต่ละอคติ

การควบคุมอารมณ์คือกุญแจสำคัญในการสร้างความมั่งคั่ง

การควบคุมอารมณ์ในตลาดการเงินสำคัญไม่แพ้การวิเคราะห์ข้อมูล เพราะอารมณ์คือพื้นฐานของทุกการตัดสินใจ ทั้งในชีวิตประจำวันและในโลกการลงทุน ปฏิกิริยาทางอารมณ์อาจกลายเป็นอุปสรรคได้เสมอ เนื่องจากผลลัพธ์ของการลงทุนไม่อาจคาดเดาได้ การเข้าใจและยอมรับความเสี่ยงจึงเป็นสิ่งที่นักลงทุนและเทรดเดอร์ทุกคนต้องเรียนรู้ แต่เราจะฝึกฝนสิ่งนี้ได้จริงหรือ?

ความผันผวนของตลาดการเงิน รวมถึงตลาดหุ้น มักสะท้อนอารมณ์ที่ขึ้นลงของผู้คน นักลงทุนที่มีประสบการณ์รู้ดีว่าอารมณ์เหล่านี้สามารถเปลี่ยนการตัดสินใจอย่างมีเหตุผลให้กลายเป็นการเสี่ยงโชคแบบฉับพลันได้ เมื่อราคาหุ้นปรับตัวขึ้น กระแสความหวังและความตื่นเต้นมักดึงดูดให้นักลงทุนซื้อในจุดสูงสุด ขับเคลื่อนด้วยความสบายใจมากกว่าการวิเคราะห์อย่างรอบคอบ

ในทางกลับกัน เมื่อเงาแห่งความกลัวปกคลุมในช่วงตลาดปรับตัวลง นักลงทุนจำนวนมากมักรีบขายสินทรัพย์ในราคาต่ำ ติดอยู่ในวังวนของความตื่นตระหนกและการปฏิเสธ แผนการลงทุนระยะยาวจึงเปรียบเสมือนสมอที่ช่วยยึดนักลงทุนให้อยู่กับเหตุผล ท่ามกลางคลื่นความผันผวนของตลาด และป้องกันการตัดสินใจที่ขับเคลื่อนด้วยอารมณ์

ความกลัวและความขลาดเขลาของตลาด

ความผันผวนของตลาดสามารถกระตุ้นให้เกิดความกลัวที่แพร่กระจายได้เร็วกว่าการเผยแพร่ข้อเท็จจริง ซึ่งทำให้ผู้ลงทุนต้องขายสินทรัพย์ของตนและทำให้ราคาตกต่ำลงไปอีก 

  • การเห็นผู้อื่นเทขายหุ้นอย่างบ้าคลั่งอาจกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมแบบรวมกลุ่ม บีบให้นักลงทุนรายย่อยละทิ้งกลยุทธ์การลงทุนส่วนบุคคลและหันไปลงทุนแบบหลบเลี่ยง โดยไม่คำนึงถึงความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับตลาดหรือความเสี่ยงโดยรวมของตลาดที่รับรู้ การหลีกเลี่ยงการลงทุนด้วยความกลัวในช่วงที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนเช่นนี้ อาจพรากโอกาสในการสร้างความมั่งคั่งในระยะยาวไป
  • ดัชนี VIX หรือ “ดัชนีความกลัว” ถือเป็นมาตรวัดความเชื่อมั่นของนักลงทุน ส่งสัญญาณถึงพลวัตและความไม่แน่นอนของตลาดที่เพิ่มสูงขึ้น เมื่อเผชิญกับสภาวะเช่นนี้ นักลงทุนมักจะหันเหไปลงทุนสินทรัพย์ที่มองว่าปลอดภัย เช่น พันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกลุ่มป้องกันความเสี่ยง ซึ่งถือว่าอ่อนไหวต่อความผันผวนของตลาดน้อยกว่า

ความตื่นเต้นและการซื้อขายมากเกินไป

ในทางกลับกัน ความตื่นเต้นอาจทำให้ผู้ลงทุนเข้าใจผิด ล่อลวงให้ซื้อขายมากขึ้นโดยหวังว่าจะได้กำไรอย่างรวดเร็ว การซื้อขายมากเกินไป ซึ่งมักเกิดจากการเคลื่อนไหวของตลาดในระยะสั้น อาจส่งผลให้ต้นทุนการทำธุรกรรมสูงขึ้น กัดกร่อนผลกำไรที่อาจเกิดขึ้น

  • การเลือกจังหวะเวลาที่ไม่ดี ซึ่งมักเป็นผลพลอยได้จากการซื้อขายที่ขับเคลื่อนด้วยความตื่นเต้น อาจทำลายประสิทธิภาพของกลยุทธ์การลงทุนที่วางแผนมาอย่างดี และอาจนำไปสู่การสูญเสียทางการเงิน
  • กับดักของความตื่นเต้นคือ มันอาจทำให้ผู้ลงทุนจำกัดความสนใจไปที่การซื้อขายเฉพาะหน้า ทำให้พวกเขามองข้ามเป้าหมายและกลยุทธ์การลงทุนโดยรวม

ความมั่นใจมากเกินไปและความไม่สมดุลของพอร์ตการลงทุน

ความมั่นใจในความสามารถในการลงทุนที่มากเกินไปอาจก่อให้เกิดความโลภและความมั่นใจในตนเอง ซึ่งเป็นการล่อลวงให้ผู้ลงทุนยอมรับความเสี่ยงมากเกินไป

  • อคติทางความคิดนี้ทำให้กระบวนการตัดสินใจลงทุนคลาดเคลื่อน ซึ่งมักส่งผลให้ตัวเลือกต่างๆ ไม่เหมาะสมหรือสอดคล้องกับระดับความเสี่ยงของนักลงทุน
  • นักลงทุนที่มั่นใจมากเกินไปมักจะมองข้ามความเสี่ยงและประเมินผลตอบแทนสูงเกินไป ซึ่งอาจนำไปสู่พอร์ตการลงทุนที่ขาดเกราะป้องกันการกระจายการลงทุน ส่งผลให้พอร์ตการลงทุนมีความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดหุ้น
  • พอร์ตการลงทุนเหล่านี้ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของตลาดอย่างไม่สมส่วน ซึ่งตอกย้ำถึงความจำเป็นในการใช้แนวทางที่สมดุลเพื่อลดความมั่นใจมากเกินไปด้วยแนวทางการจัดการพอร์ตการลงทุน
  • ความเสี่ยงของความมั่นใจมากเกินไปไม่ได้จำกัดอยู่แค่นักลงทุนรายย่อยเท่านั้น แต่ยังปรากฏให้เห็นในการซื้อขายเพื่อเก็งกำไรและการกำหนดราคาสินทรัพย์ที่เบี่ยงเบน ซึ่งอาจส่งผลกระทบในวงกว้างต่อตลาดการเงิน

มุมมองเชิงลึกด้านการเงินเชิงพฤติกรรม

โครงข่ายประสาทที่ซับซ้อนในสมอง แสดงถึงเครือข่ายการประมวลผลข้อมูลที่ซับซ้อน
 

Image source: Adobe Stock Photos

การเงินเชิงพฤติกรรม เป็นการผสานระหว่างจิตวิทยาและการเงิน เพื่ออธิบายว่าพฤติกรรมมนุษย์มีผลต่อ ตลาดการเงินและการตัดสินใจลงทุนอย่างไร สาขานี้มุ่งวิเคราะห์กระบวนการทางจิตที่ขับเคลื่อนการกระทำของนักลงทุน ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ อคติทางความคิด (cognitive biases) และวินัย ซึ่งทั้งหมดมีบทบาทในการกำหนดวิธีการตัดสินใจของทั้งนักลงทุนรายย่อยและผู้จัดการกองทุน

  • อคติทางความคิด ซึ่งเป็นความเบี่ยงเบนจากความคิดเชิงเหตุผล คือภูตผีที่หลอกหลอนนักลงทุน บิดเบือนวิธีการประมวลผลข้อมูลและการตัดสินใจทางเศรษฐกิจ แนวคิดอคติทางความคิดซึ่งนำเสนอโดย Amos Tversky และ Daniel Kahneman เป็นรากฐานสำคัญของความเข้าใจพื้นฐานทางจิตวิทยาของพฤติกรรมการลงทุน อคติเหล่านี้ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว สามารถบิดเบือนทางเลือกการลงทุน นำไปสู่ความพึงพอใจและอคติที่ไม่สมเหตุสมผล ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อผลลัพธ์ทางการเงิน
  • ทฤษฎีการคาดการณ์ (Prospect Theory) ซึ่งเป็นผลงานอีกชิ้นหนึ่งของ Kahneman และ Tversky ได้พลิกโฉมสมมติฐานดั้งเดิมเกี่ยวกับเหตุผล โดยเน้นย้ำถึงอิทธิพลของอคติและพฤติกรรมที่ไร้เหตุผลในกระบวนการตัดสินใจทางเศรษฐกิจ เพื่อต่อต้านอคติเหล่านี้และปรับปรุงกระบวนการตัดสินใจ เทรดเดอร์สามารถใช้กลยุทธ์การบริหารความเสี่ยง กำหนดกฎเกณฑ์สำหรับการซื้อขาย และแสวงหาการสนับสนุนและความรับผิดชอบ

อคติทางพฤติกรรม

อคติทางความคิดคือตัวทำลายความคิดอย่างเงียบๆ ของการใช้เหตุผลอย่างมีเหตุผล ซึ่งนำพานักลงทุนให้หลงผิดในการตัดสินใจอย่างเป็นระบบ อคติเหล่านี้แสดงออกมาในรูปแบบต่างๆ ได้แก่

  • อคติแบบเข้าใจง่ายเกินไป ซึ่งบิดเบือนการรับรู้มูลค่าและความเสี่ยงของการลงทุน
  • อคติแบบจำกัดขอบเขต ซึ่งบิดเบือนการรับรู้มูลค่าและความเสี่ยงของการลงทุน
  • ตัวอย่างเช่น อคติแบบยึดติด (anchoring bias) อาจทำให้นักลงทุนให้ความสำคัญกับข้อมูลชิ้นแรกที่พบเจอมากเกินไป ซึ่งอาจนำไปสู่การประเมินศักยภาพของการลงทุนที่คลาดเคลื่อน
  • อคติยืนยัน (confirmation bias) ก็มีบทบาทในกระบวนการนี้เช่นกัน เนื่องจากนักลงทุนอาจแสวงหาข้อมูลที่ยืนยันความเชื่อเดิมของตนเอง ซึ่งจะทำให้การตัดสินใจลงทุนบิดเบือนไป
  • อคติแบบสะสมทรัพย์ (endowment bias) เป็นกับดักอีกประการหนึ่งที่นักลงทุนประเมินมูลค่าการลงทุนสูงเกินจริงอย่างไม่สมเหตุสมผล เพียงเพราะพวกเขาเป็นเจ้าของ ซึ่งเป็นจุดบอดทางจิตวิทยาที่สามารถบิดเบือนการตัดสินใจลงทุนได้

การตัดสินใจด้วยอารมณ์

นักลงทุนทุกคนต้องเผชิญกับแรงผลักดันและแรงดึงดูดอย่างต่อเนื่องระหว่างการตัดสินใจด้วยอารมณ์และการวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล การรักษาพอร์ตการลงทุนให้สมดุลเป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อการบริหารความเสี่ยงและบรรเทาผลกระทบทางอารมณ์จากความกลัวและความโลภที่มีต่อการตัดสินใจทางการเงิน

  • ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ถือกำเนิดขึ้นในฐานะสัญลักษณ์แห่งความมีเหตุผลในสาขานี้ โดยช่วยในการสร้างพอร์ตการลงทุนที่สอดคล้องกับทฤษฎีพอร์ตการลงทุนสมัยใหม่ ซึ่งมุ่งมั่นที่จะวางตำแหน่งการลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่เหมาะสมที่สุดเมื่อเทียบกับความเสี่ยง
  • ความท้าทายสำหรับนักลงทุนคือการผสมผสานการควบคุมอารมณ์เข้ากับกระบวนการทางจิตใจที่เป็นรากฐานของสิ่งมีชีวิตที่ใช้เหตุผล เพื่อให้การตัดสินใจไม่เพียงแต่ได้รับข้อมูลจากตลาดเท่านั้น แต่ยังปราศจากผลกระทบทางอารมณ์ที่อาจบดบังการตัดสินใจอีกด้วย

ทฤษฎีความคาดหวัง (Prospect Theory) และการหลีกเลี่ยงการขาดทุน (Loss Aversion)

ทฤษฎีความคาดหวัง เปิดเผยชั้นลึกของจิตวิทยานักลงทุน และชี้ให้เห็นแนวคิดสำคัญดังนี้:

  1. ให้น้ำหนักกับการหลีกเลี่ยงการขาดทุนมากกว่าการได้กำไร ซึ่งมีผลอย่างมากต่อการตัดสินใจลงทุนและการประเมินความเสี่ยง
  2. การหลีกเลี่ยงการขาดทุน (Loss Aversion) คือแนวโน้มตามธรรมชาติที่มนุษย์จะพยายามหลีกเลี่ยงการสูญเสีย มากกว่าการแสวงหาผลตอบแทนที่เท่ากัน
  3. เอฟเฟกต์ความเป็นเจ้าของ (Endowment Effect) คือแนวโน้มที่จะยึดติดกับทรัพย์สินที่มีอยู่ แม้จะมีโอกาสที่ดีกว่าก็ตาม

แนวคิดเหล่านี้เชื่อมโยงกันและมีบทบาทสำคัญในการกำหนดวิธีคิดและการตัดสินใจของนักลงทุน
ทฤษฎีความคาดหวัง จึงเป็นหลักฐานที่สะท้อนให้เห็นถึงพลังทางจิตวิทยาที่ซับซ้อน ซึ่งควบคุมกระบวนการตัดสินใจ และท้าทายนักลงทุนให้ตระหนัก พร้อมทั้งก้าวข้ามความกลัวที่ฝังลึก เพื่อบรรลุผลลัพธ์ตามที่คาดหวัง

กลยุทธ์ในการบรรเทาข้อผิดพลาดทางอารมณ์

มือชี้ไปที่กระดานที่มีชิ้นส่วนสีดำวางอยู่เหนือเส้นที่เชื่อมต่อจุด
 

Image source: Adobe Stock Photos

ในการแสวงหาหนทางเอาชนะความผันผวนทางอารมณ์ในการลงทุน มีกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้เราเข้าใจได้ เครื่องมือการลงทุนอย่างกองทุนรวม กองทุนรวมสินทรัพย์หลากหลายประเภท และการลงทุนแบบเฉลี่ยต้นทุน (Dollar-Cost Averaging) ไม่เพียงแต่ช่วยลดความซับซ้อนของกระบวนการลงทุนเท่านั้น แต่ยังช่วยลดความอยากที่จะตอบสนองต่อแรงกระตุ้นทางอารมณ์อีกด้วย

การมาถึงของ AI ในการซื้อขายหลักทรัพย์ช่วยเพิ่มระดับการป้องกันอีกขั้น โดยสร้างกลยุทธ์การเข้าและออกที่ช่วยลดผลกระทบทางอารมณ์ต่อการตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์ การลงทุนอย่างมีวินัยและมีเหตุผล ควบคู่ไปกับความฉลาดทางอารมณ์ จะช่วยป้องกันการขาดทุนจากเงินทุนที่ไม่จำเป็นและเพิ่มผลตอบแทนโดยรวม

แผนการลงทุนที่มั่นคง

แผนการลงทุนที่ครอบคลุมทุกด้านเป็นรากฐานของการลงทุนที่ประสบความสำเร็จ ช่วยให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงการตัดสินใจที่ต้องใช้ความรู้สึก ด้วยแนวทางการจัดการพอร์ตการลงทุนอย่างเป็นระบบ แผนดังกล่าวประกอบด้วย:

  • วิสัยทัศน์ที่ชัดเจนเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ทางการเงิน
  • การจัดสรรสินทรัพย์ที่จำเป็นต่อการบรรลุเป้าหมาย
  • ลดโอกาสการขายที่เกิดจากความตื่นตระหนกในช่วงที่ตลาดตกต่ำ

แผนการลงทุนที่รอบคอบและวางไว้อย่างเป็นระบบช่วยให้นักลงทุนเข้าใจเป้าหมายส่วนตัว ระดับการยอมรับความเสี่ยง และแนวทางเชิงกลยุทธ์ได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเสมือนเกราะป้องกันอันแข็งแกร่งในการรับมือความผันผวนของตลาด กลยุทธ์ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานทางการเงินที่มั่นคง เช่น บริษัทที่มีหนี้สินต่ำ อัตรากำไรสม่ำเสมอ และกระแสเงินสดมั่นคง มักจะเชื่อมโยงกับความสำเร็จที่ยั่งยืนของนักลงทุน

การกระจายการลงทุน

การกระจายการลงทุนเปรียบเสมือนการไม่นำไข่ทั้งหมดใส่ตะกร้าใบเดียว ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการบริหารความเสี่ยงและหลีกเลี่ยงความผันผวนทางอารมณ์ที่เกิดจากตลาด พอร์ตการลงทุนที่มีการกระจายการลงทุนที่ดีอาจไม่เพียงแต่ช่วยให้ได้รับผลตอบแทนที่มั่นคงมากขึ้นในระยะยาว แต่ยังช่วยลดการตัดสินใจลงทุนที่ใช้ความรู้สึกน้อยลงอีกด้วย ต้นทุนของการกระจายการลงทุนมักจะต่ำกว่าผลตอบแทนจากการลงทุน เนื่องจากสินทรัพย์บางชนิดที่ไม่มีความสัมพันธ์กันหรือมีความสัมพันธ์กันในทิศทางตรงกันข้ามจะจำกัดผลกำไร

อย่างไรก็ตาม การกระจายการลงทุนไปยังประเภทสินทรัพย์ อุตสาหกรรม และภูมิศาสตร์ที่หลากหลาย ช่วยให้นักลงทุนสามารถป้องกันตนเองจากเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์เฉพาะภาคส่วนหรือภูมิภาคต่างๆ ได้ ผลการดำเนินงานที่ราบรื่นขึ้นของพอร์ตการลงทุนที่มีการกระจายการลงทุนที่ดีสามารถทำหน้าที่เป็นเครื่องป้องกัน ปกป้องนักลงทุนจากแรงกระตุ้นที่จะขายหุ้นในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ ยิ่งไปกว่านั้น การลงทุนในระดับโลกสามารถลดทอนการตอบสนองทางอารมณ์ได้ โดยลดการพึ่งพาสุขภาพทางเศรษฐกิจของประเทศใดประเทศหนึ่ง และใช้ประโยชน์จากโอกาสในการเติบโตในตลาดที่หลากหลาย

สำคัญ: การกระจายการลงทุนไม่ได้หมายถึงการกระจายเงินไปลงทุนในหุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกันหรือพึ่งพาซัพพลายเออร์รายเดียวกัน ตัวอย่างเช่น หากนักลงทุนเลือกลงทุนในบริษัทที่มีฐานการผลิตเกือบทั้งหมดในประเทศจีน บริษัทเหล่านั้นก็ยังคงเผชิญความเสี่ยงในลักษณะเดียวกัน การกระจายการลงทุนที่แท้จริงควรเป็นการเลือกสินทรัพย์จากหลายอุตสาหกรรมหรือหลายประเภทที่มีความสัมพันธ์กันน้อย หรือสามารถทำหน้าที่ป้องกันความเสี่ยงเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น นักลงทุนอาจถือหุ้นบริษัทเทคโนโลยีที่มีโอกาสขาดทุนจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ แต่ในพอร์ตเดียวกันอาจมีหุ้นกลุ่มพลังงานหรือบริษัทน้ำมันซึ่งอาจทำผลงานได้ดีกว่าในช่วงวิกฤตนั้น และช่วยจำกัดการขาดทุนจากหุ้นเทคโนโลยี ในทางกลับกัน หากสถานการณ์ตึงเครียดคลี่คลาย หุ้นเทคโนโลยีอาจฟื้นตัว และการกระจายการลงทุนจะยังคงช่วยลดความเสี่ยงโดยรวมของพอร์ตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การตรวจสอบพอร์ตโฟลิโอ

การตรวจสอบพอร์ตโฟลิโอเป็นระยะๆ เปรียบเสมือนเข็มทิศที่คอยชี้วัดความสอดคล้องระหว่างเส้นทางการลงทุนของนักลงทุนกับเป้าหมายทางการเงินและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ การประเมินเหล่านี้ช่วยให้สามารถปรับกลยุทธ์ได้ไม่เพียงแต่รองรับการเปลี่ยนแปลงของตลาดเท่านั้น แต่ยังช่วยยืนยันความมุ่งมั่นต่อเป้าหมายการลงทุนระยะยาวอีกด้วย

การตรวจสอบพอร์ตโฟลิโออย่างละเอียดประกอบด้วย:

  • การประเมินคุณภาพและอายุของตราสารหนี้
  • การประเมินความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการกระจุกตัวของหุ้น
  • การวิเคราะห์ปัจจัยทุนเพื่อให้แน่ใจว่าผลการดำเนินงานโดยรวมยังคงเป็นไปตามเป้าหมาย

การตรวจสอบเป็นระยะๆ ดังกล่าวเป็นขั้นตอนสำคัญในการป้องกันการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์และการตอบสนองของตลาด และเสริมสร้างความมุ่งมั่นของนักลงทุนในการยึดมั่นในกลยุทธ์การลงทุนของตน

เครื่องมือและเทคนิค

ประแจสองตัวบนพื้นหลังสีดำพร้อมลวดลายสีน้ำเงิน

Image source: Adobe Stock Photos

การควบคุมอารมณ์ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนจำเป็นต้องใช้เครื่องมือและเทคนิคที่หลากหลาย กลยุทธ์บางอย่างที่สามารถช่วยได้ ได้แก่:

  • อย่าลงทุนมากเกินไป

  • อย่าลืมกระจายการลงทุน

  • ตระหนักและเข้าใจอารมณ์และอคติในการลงทุนอย่างลึกซึ้ง

  • เข้าใจว่าเบื้องหลังเงินคือการตัดสินใจของผู้คน

  • เดย์เทรดเดอร์อาจกำหนดกฎเกณฑ์การซื้อขายที่เฉพาะเจาะจง

  • นำแนวปฏิบัติด้านการบริหารความเสี่ยงที่แข็งแกร่งมาใช้

  • แสวงหาความรับผิดชอบผ่านระบบสนับสนุน

  • จัดการอารมณ์ในช่วงที่ตลาดผันผวน

  • ตัดสินใจอย่างมีเหตุผลและอิงข้อมูลมากขึ้น

  • ควบคุมอารมณ์เพื่อให้เกิดอิทธิพลเชิงบวกต่อกระบวนการตัดสินใจ

กลยุทธ์ทางพฤติกรรมและความคิดซึ่งช่วยให้นักลงทุนสามารถระบุและปรับเปลี่ยนรูปแบบความคิดเชิงลบที่ส่งผลต่ออารมณ์และกระบวนการตัดสินใจของตนได้

สติและการควบคุมตนเองของนักลงทุน

การมีสติช่วยปลูกฝังภาวะการตระหนักรู้ที่สูงขึ้น ช่วยให้นักลงทุนสามารถรับมือกับความผันผวนของตลาดได้อย่างสง่างามและสุขุม การฝึกปฏิบัตินี้สอนให้นักลงทุน:

  • สังเกตความคิดและความรู้สึกของตนเองโดยไม่ตัดสิน

  • เสริมสร้างการควบคุมอารมณ์ของตนเอง

  • มีสติอยู่กับปัจจุบันและมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ในช่วงเวลาแห่งการตัดสินใจ

  • ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างรอบคอบ แทนที่จะตอบสนองต่อแรงกระตุ้นเพียงอย่างเดียว

การฝึกสติช่วยให้นักลงทุนพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อการตัดสินใจลงทุนอย่างรอบรู้และมีเหตุผลมากขึ้น

ความสงบและแนวทางที่รอบคอบที่ส่งเสริมโดยการมีสติจะนำไปสู่การตัดสินใจลงทุนที่มีเหตุผลและมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงอารมณ์ชั่ววูบน้อยลง

บทสรุป

การเดินทางในตลาดการเงินที่เต็มไปด้วยความผันผวน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเข้าใจปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยการควบคุมอารมณ์ของตนเองด้วย การตระหนักถึงแรงขับทางอารมณ์ที่อาจบิดเบือนการตัดสินใจลงทุน และการใช้กลยุทธ์หรือเครื่องมือเพื่อเสริมสร้างการควบคุมอารมณ์ ถือเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยสร้างสมดุลระหว่าง สติปัญญาด้านอารมณ์และความรู้ทางการเงิน

เรื่องราวความสำเร็จและความผิดพลาดที่เราได้แบ่งปัน แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าอารมณ์มีผลต่อการตัดสินใจทางการเงินอย่างไร เส้นทางสู่ความสำเร็จในการลงทุนจึงต้องอาศัย วินัย สติ และการแสวงหาความรู้ อยู่เสมอ

ตลาดการเงินเปรียบเสมือนรถไฟเหาะ เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความกังวลที่อาจนำไปสู่การตัดสินใจที่หุนหันพลันแล่น ดังนั้นการควบคุมอารมณ์และเข้าใจวงจรของตลาดคือทักษะที่จำเป็นต่อความสำเร็จในระยะยาว

  • การตั้งเป้าหมาย: การกำหนดเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง วัดผลได้ และมีกรอบเวลาที่ชัดเจน จะช่วยให้คุณมีสมาธิและปรับอารมณ์ให้สอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาว
  • แผนการลงทุน: แผนการลงทุนเปรียบเสมือนประภาคารนำทาง ช่วยให้คุณฝ่าฟันอุปสรรคในตลาด และหลีกเลี่ยงปฏิกิริยาฉับพลันต่อความเคลื่อนไหวของตลาดในระยะสั้น
  • การยอมรับความเสี่ยง: การรู้ว่าคุณสามารถรับมือกับความผันผวนได้มากเพียงใด จะช่วยให้คุณสร้างพอร์ตการลงทุนที่ไม่กดดันความรู้สึกสบายใจของคุณ และลดความอยากที่จะตัดสินใจโดยอาศัยความกลัว
  • การกระจายการลงทุน: การกระจายการลงทุนของคุณไปยังสินทรัพย์ประเภทต่างๆ สามารถลดผลกระทบจากผลการดำเนินงานที่ไม่ดีจากการลงทุนเพียงครั้งเดียว ซึ่งจะช่วยรักษาเสถียรภาพของพอร์ตการลงทุนและความกังวลของคุณ
  • จำกัดกิจกรรมที่ไม่จำเป็น: การติดตามตลาดอย่างต่อเนื่องอาจนำไปสู่ปฏิกิริยาที่มากเกินไป การกำหนดกิจวัตรในการตรวจสอบการลงทุนของคุณให้สอดคล้องกับกลยุทธ์การลงทุนระยะยาวของคุณ
  • การศึกษา: การทำความเข้าใจวัฏจักรของตลาดและภาวะปกติของความผันผวนสามารถเสริมความแข็งแกร่งให้คุณรับมือกับปฏิกิริยาทางอารมณ์ต่อความเคลื่อนไหวของตลาดที่ไม่คาดคิด

การบูรณาการแนวทางปฏิบัตินี้จะช่วยให้นักลงทุนสามารถปรับปรุงความสามารถในการจัดการกับการตอบสนองทางอารมณ์ ส่งผลให้ตัดสินใจลงทุนได้ดีขึ้น และท้ายที่สุดก็บรรลุเป้าหมายทางการเงินด้วยความสบายใจมากขึ้น

 

เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้นและใช้สำหรับการศึกษาเท่านั้น ความคิดเห็น การวิเคราะห์ ราคา หรือเนื้อหาอื่น ๆ ในเอกสารนี้ ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้คำแนะนำในการลงทุน หรือเพื่อให้ความเข้าใจด้านกฎหมายของประเทศ Belize
ผลประกอบการในอดีตไม่ได้เป็นการรับประกันถึงผลประกอบการในอนาคต การกระทำหรือการตัดสินใจใด ๆ ตามข้อมูลในเอกสารนี้ เป็นความเสี่ยงของผู้ดำเนินการเอง XTB ไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อความสูญเสีย ความเสียหาย หรือผลกำไรหรือขาดทุนใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อมจากการใช้ข้อมูลในเอกสารนี้ ทุกการตัดสินใจลงทุนควรพิจารณาอย่างรอบคอบ และเป็นความรับผิดชอบของท่านเอง
คำถามพบบ่อย FAQ

คำถามที่พบบ่อย

อารมณ์ต่างๆ เช่น การมองโลกในแง่ดี ความตื่นเต้น ความกลัว และความตื่นตระหนก สามารถนำไปสู่การซื้อสูงและขายต่ำในการลงทุน ผลกระทบทางอารมณ์นี้อาจทำให้นักลงทุนตัดสินใจผิดพลาดและประเมินความเสี่ยงต่ำเกินไป ซึ่งท้ายที่สุดจะส่งผลต่อผลตอบแทนจากการลงทุน

เพื่อขจัดอารมณ์ออกจากการลงทุน ให้กระจายพอร์ตการลงทุนของคุณเพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาดและหลีกเลี่ยงการผูกพันทางอารมณ์กับการลงทุนของคุณ

การมีแผนการลงทุนที่แข็งแกร่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยสร้างโครงสร้างและลดโอกาสในการตัดสินใจทางการเงินอย่างหุนหันพลันแล่น แผนนี้จะช่วยชี้นำการตัดสินใจของคุณและช่วยลดอิทธิพลทางอารมณ์

อารมณ์มีผลต่อการลงทุนอย่างรุนแรง เพราะเบื้องหลังเงินคือตัวผู้คน ราคาหุ้นถูกกำหนดโดยอารมณ์ การเป็นนักลงทุนที่อ่อนไหวเกินไปอาจนำไปสู่การตัดสินใจผิดพลาด ความรู้สึกพื้นฐาน เช่น ความกลัวและความโลภ มักก่อให้เกิดอคติทางความคิด

ตัวอย่างเช่น นักลงทุนที่โลภ มักซื้อหุ้นเมื่อราคาตลาดอยู่ในระดับสูง โดยเชื่อว่าความสำเร็จในอดีตสามารถรับประกันผลลัพธ์ในอนาคตได้ ในทางกลับกัน นักลงทุนที่รู้สึกกลัวมักขายทำกำไรในช่วงที่เกิดความตื่นตระหนก ซึ่งบางครั้งอาจทำให้ต้องซื้อสินทรัพย์เดิมกลับในราคาที่สูงขึ้น

แม้ว่าการบริหารพอร์ตโฟลิโออาจดูเหมือนง่าย แต่ความจริงไม่ใช่ การลงทุนและการซื้อขายระยะยาวล้วนเกี่ยวข้องกับการควบคุมอารมณ์เป็นสำคัญ

นักลงทุนไม่ควรโฟกัสเพียงแค่การลงทุนเท่านั้น ในฐานะมืออาชีพ เป้าหมายของนักลงทุนคือการแสวงหาความรู้ ซึ่งรวมถึงการอ่านหนังสือ (ไม่จำกัดเฉพาะด้านการลงทุน) และการวิเคราะห์รายงานพิเศษ สิ่งสำคัญคือแม้ว่าผู้คนจำนวนมากจะอ่านข้อมูลเดียวกัน แต่ผลสรุปที่ได้มักแตกต่างกัน บางครั้งผลสรุปที่ไม่เป็นที่นิยมอาจนำไปสู่ความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์

อย่างไรก็ตาม การต่อต้านแนวโน้มตลาดอย่างต่อเนื่องมักทำให้ผลการดำเนินงานต่ำกว่าตลาด โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดกระทิงกำลังเติบโต

เข้าสู่ตลาดพร้อมลูกค้าของ XTB Group กว่า 1 700 000 ราย

ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เราให้บริการมีความเสี่ยง เศษหุ้น (Fractional Shares) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ให้บริการจาก XTB แสดงถึงการเป็นเจ้าของหุ้นบางส่วนหรือ ETF เศษหุ้นไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ทางการเงินอิสระ สิทธิของผู้ถือหุ้นอาจถูกจำกัด
ความสูญเสียสามารถเกินกว่าเงินที่ฝาก