ในบทเรียนนี้คุณจะได้เรียนรู้:
- ทำไมความเชื่อมั่นของตลาด (Market Sentiment) ถึงมีบทบาทสำคัญในการเทรด
- วิธีการวัดความเชื่อมั่นของตลาด
- เราสามารถเรียนรู้อะไรจากข้อมูลการวางตำแหน่ง
แม้ว่าราคาของสินทรัพย์จะขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐานและเทคนิคเป็นหลัก แต่ก็สามารถได้รับผลกระทบจากความเชื่อมั่นของตลาดได้เช่นกัน ในความเป็นจริง ตลาดส่วนใหญ่ขับเคลื่อนด้วยอารมณ์ และความเชื่อมั่นสามารถสะท้อนออกมาในราคาสินทรัพย์ได้
ตัวอย่างเช่น ตลาดตอบสนองด้วยความตื่นตระหนกเมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2016 แม้ว่าการสำรวจความคิดเห็นส่วนใหญ่จะคาดการณ์ชัยชนะของฮิลลารี คลินตัน แต่ตลาดตกอยู่ในสภาวะช็อคเมื่อทรัมป์กลายเป็นผู้ชนะ การตอบสนองที่ตื่นตระหนกนี้ทำให้เกิดการเทขายดอลลาร์สหรัฐและดัชนีหุ้นสหรัฐ แต่เมื่อความวิตกกังวลคลี่คลายลง นักเทรดเริ่มซื้อดอลลาร์และหุ้นอีกครั้ง ทำไม? เพราะนโยบายของทรัมป์ถูกมองว่าเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม การตอบสนองในครั้งแรกถูกกำหนดโดยความเชื่อมั่นมากกว่าปัจจัยพื้นฐาน นี่คือเหตุผลที่ทำให้การพิจารณาความเชื่อมั่นของตลาดเป็นสิ่งสำคัญในการเทรดและรู้จักดัชนีที่สามารถช่วยในด้านนี้ได้
ความเชื่อมั่นของตลาด (Market Sentiment) คืออะไร?
ความเชื่อมั่นของตลาดสามารถนิยามได้ว่าเป็นทัศนคติทั่วไปของนักลงทุนต่อสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่ง หรือทั้งตลาด ความเชื่อมั่นนี้คือความรู้สึกหรือท่าทีของตลาด หรือจิตวิทยาของตลาดที่แสดงออกผ่านกิจกรรมและการเคลื่อนไหวของราคา สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าความเชื่อมั่นไม่ได้อิงจากปัจจัยพื้นฐานเสมอไป ซึ่งหมายความว่านักลงทุนอาจมีมุมมองเฉพาะตามสิ่งที่พวกเขารู้สึก ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาเห็น "ซื้อข่าวลือ ขายความจริง" เป็นตัวอย่างที่นึกถึงได้
ความเชื่อมั่นของตลาดสามารถอธิบายได้ว่าเป็นแนวโน้มขาลง (bearish), แนวโน้มกลาง (neutral) หรือแนวโน้มขาขึ้น (bullish) เมื่อความเชื่อมั่นขาลงครอบงำ ตลาดหุ้นก็จะตกลง เช่นเดียวกับสกุลเงิน - ความเชื่อมั่นขาลงจะส่งผลให้มันอ่อนค่าลง ในทางตรงกันข้าม ความเชื่อมั่นขาขึ้นคือมุมมองเชิงบวกที่สนับสนุนทั้งหุ้นและสกุลเงิน
วัดความเชื่อมั่นของตลาดอย่างไร?
นี่คือส่วนที่ยาก ในการวัดสิ่งที่เชื่อมโยงโดยตรงกับจิตวิทยาได้อย่างไร? ในตลาดการเงิน ทุกคนมีความคิดเห็นของตัวเองและทุกคนกำลังมองหาข้อได้เปรียบ อย่างไรก็ตาม มีตัวชี้วัดหลายตัวที่อ้างอิงจากการสำรวจความคิดเห็นที่ดำเนินการกับผู้เข้าร่วมตลาด นี่คือตัวอย่างที่ได้รับความนิยม:
- การสำรวจอารมณ์นักลงทุน AAII - การสำรวจความคิดเห็นของนักลงทุน AAII อาจเป็นการสำรวจที่ได้รับความนิยมที่สุดในหมู่นักลงทุนในวอลล์สตรีท ซึ่งดำเนินการกับสมาชิกของ AAII ที่จะตอบคำถามเดียวกันทุกสัปดาห์ ผลลัพธ์จะถูกรวบรวมเป็นการสำรวจอารมณ์นักลงทุน AAII ซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับอารมณ์ของนักลงทุนรายย่อย การสำรวจนี้ได้กลายเป็นตัวชี้วัดที่ได้รับความนิยมในการวัดอารมณ์ของนักลงทุนรายย่อย ผลลัพธ์ของการสำรวจประจำสัปดาห์สามารถดูได้ในเว็บไซต์เช่น Bloomberg และได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมตลาด
- ดัชนีความกลัวและความโลภ CNN - ดัชนีความกลัวและความโลภมีลักษณะที่แตกต่างออกไปในการสร้าง มันไม่ได้อ้างอิงจากการสำรวจที่ดำเนินการกับนักลงทุน แต่พิจารณาจากปัจจัยหลายประการ รวมถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อมั่นของตลาด เช่น ดัชนี VIX ผลลัพธ์จะแสดงในรูปแบบจาก 0 ถึง 100 ยิ่งค่าที่ได้สูง ยิ่งหมายถึงนักลงทุนมีความโลภมากขึ้น ระดับ 50 ถือว่าเป็นกลาง
- ความเชื่อมั่นของตลาด XTB - ความเชื่อมั่นของตลาดสามารถตรวจสอบได้จาก xStation 5 แพลตฟอร์มขั้นสูงของเรา สิ่งที่คุณต้องทำคือลงชื่อเข้าใช้และเลือกดูในส่วนการวิเคราะห์ตลาด
![]()
นอกจากนี้ยังมีตัวชี้วัดและผลสำรวจอื่นๆ อีกมากมายให้คุณไปดู แต่ 3 ตัวนี้เป็นตัวชี้วัดที่ถูกอัพเดตเป็นประจำและได้รับความนิยมในหมู่เทรดเดอร์
การถือสถานะซื้อขาย (Positioning)
การถือสถานะซื้อขายเป็นอีกตัวชี้วัดหนึ่งในองค์ประกอบของตลาด ในขณะที่ผลสำรวจองค์ประกอบของตลาดอธิบายมุมมองของตลาด การถือสถานะซื้อขายแสดงองค์ประกอบของตลาดในรูปของสถานะซื้อขายที่ถูกเปิด นั้นหมายความว่ามุมมองของตลาดกระทิงและตลาดหมีจะปรากฏเป็นในรูปของจำนวนของสถานะซื้อหรือสถานะขายในตลาดของสินค้าของสกุลเงิน สินค้าโภคภัณฑ์ หรือดัชนี ใดๆ ในอนาคต ตัวอย่างเช่น ถ้ารายงานแสดงว่ามีการถือสถานะซื้อเพิ่มขึ้นมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในตลาดเงินดอลล่าร์สหรัฐ นั้นหมายถึงภาพรวมของตลาดสกุลเงินคือตลาดกระทิง
รายงานที่ได้รับความนิยมและมีความสำคัญสูงที่สุดเกี่ยวกับการถือสถานะซื้อขายได้แก่ รายงาน CFTC พันธกิจของเทรดเดอร์ (Commodity Futures Trading Commission Report or CFTC report) รายงานนี้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดของจํานวณสัญญาคงค้าง (เปิดฐานะ) ที่เกิดจากคู่สัญญาทําร่วมกันไว้ของทุกๆ วันอังคาร สำหรับตลาดที่มีเทรดเดอร์อย่างน้อย 20 คนหรือมากกว่านั้น กำลังถือสถานะซื้อขายอยู่เท่ากับหรือมากกว่าระดับที่รายงานของ CFTC ตั้งเอาไว้ หลักๆ แล้วรายงานของ CFTC แสดงสถานะซื้อหรือขายรวมสำหรับสัญญาในอนาคตแต่ละฉบับ สำหรับเทรดเดอร์ 3 ประเภท: เทรดเดอร์พาณิชย์ เทรดเดอร์ที่ไม่ใช่เพื่อการพาณิชย์ และเทรดเดอร์ที่ไม่มีรายงาน สำหรับพวกเราสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเทรดที่ถูกเปิดโดยเทรดเดอร์ที่ไม่ใช่เพื่อการพาณิชย์ เนื่องจากมีผลกระทบต่อราคาของสินค้ามากที่สุด
![]()
ที่มา: Bloomberg
ลองมาดูว่ามันทำงานอย่างไรในกรณีตัวอย่างต่อไปนี้ ลองดูที่แผนภูมิด้านบนนี้ - อย่างที่คุณเห็นเส้นแสดงแนวโน้มแสดงสถานะซื้อโดยรวมของน้ำมัน นั้นหมายถึงว่ามันแสดงความแตกต่างระหว่างสถานะซื้อและสถานะขาย ยิ่งความแตกต่างสูงมากเท่าไหร่ ยิ่งแสดงถึงทิศทางของตลาดตามความรู้สึกของนักลงทุนที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเท่านั้น อย่างที่เราเห็นกันว่าจำนวนของสถานะซื้อรวมค่อนข้างที่จะสูง ซึ่งหมายถึงว่าอารมณ์ของตลาดเป็นตลาดกระทิง
ทุกๆ รายงานจาก CFTC สามารถที่จะวิเคราะห์ในแนวนี้ได้ และทุกๆ รายงานจะให้ข้อมูลที่สัมพันธ์กัน ดังนั้นลองมาดูว่าคุณสามารถใช้ข้อมูลเล่านี้ในการเทรดของคุณได้อย่างไร
วิธีการใช้ข้อมูลเหล่านี้ในทางปฏิบัติ:
ตอนนี้คุณได้รู้แล้วว่าองค์ประกอบของตลาดคืออะไร และมันถูกวัดจากได้อย่างไร คุณยังรู้อีกวิธีในการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับสถานะซื้อขาย ที่จัดทำโดยไม่ใช่แค่ CFTC แต่ยังรวมไปถึงธนาคารและสถานบันอื่นๆ อย่างไรก็ตามเรายังไม่ได้พูดถึงการนำข้อมูลนี้ไปใช้ในทางปฏิบัติ อย่างที่คุณทราบ ถ้าตลาดเป็นตลาดกระทิง มันหมายความว่ามีการคาดการณ์ว่าดัชนีหรือสกุลเงินจะทะยานเพิ่มมูลค่า ในกรณีดังกล่าวการถือสถานะควรจะแสดงว่ามีสถานะซื้อถูกเปิดอยู่หลายสถานะ นั้นหมายความว่าถ้ามีบางอย่างเกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝัน นักลงทุนจะต้องปิดการลงทุนอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจจะนำไปสู่การลดตัวของราคาของสินค้าอย่างมีนัยสำคัญ อย่างที่คุณเห็น เหตุการณ์คล้ายๆ กันนี้เกิดขึ้นในเดือนมีนาคม ปี 2015 กับตลาดสินค้าเงินดอลล่าร์สหรัฐ มีการถือสถานะซื้อในตลาดเงินสกุลดอลล่าร์และมีการถือสถานะซื้อรวมในระดับที่สูงเกินไป
![]()
อย่างไรก็ตาม Fed (ธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา) ตัดสินใจ ณ ที่การประชุม ที่จะไม่ส่งสัญญาณนโยบายแบบเหยี่ยว ซึ่งจะบังคับให้เทรดเดอร์ปิดสถานะซื้อเงินดอลล่าร์ของพวกเขา การตัดสินใจนั้นนำไปสู่การลดมูลค่าของเงินสกุลดอลล่าร์อย่างมาก ซึ่งส่งผลให้อัตราแลกเปลี่ยน EURUSD เพิ่มขึ้นจาก 1.05 เป็น 1.10 ภายในระยะเวลาน้อยกว่า 3 ชั่วโมง อย่างที่แสดงอยู่ในแผนภูมิด้านล่าง
![]()
อะไรอีกนะเหรอ? ข้อมูลองค์ประกอบของตลาดสามารถถูกนำไปใช้เพื่อหาว่ามีจะโอกาสที่ราคาของสินค้าจะมีการเคลื่อนไหวต่อไปหรือไม่ ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเห็นว่ามีแนวโน้มขาขึ้นที่ดีในดัชนีหุ้น แต่องค์ประกอบของตลาดยังคงอยู่ในแนวตลาดกระทิงอย่างมาก และการถือสถานะซื้อขายค่อนข้างสูง นั้นอาจจะหมายถึงว่าอาจจะมีโอกาสน้อยมากที่ราคาจะมีการเคลื่อนไหวต่อไป ถ้ามีการถือสถานะซื้อทั้งตลาด แล้วใครจะซื้อหุ้นต่อไป?
"แสงวิบวับ"นั้นไม่ใช่ทองทั้งหมด
อย่างที่เราได้แสดงตัวอย่างไปแล้ว องค์ประกอบของตลาดเป็นเครื่องที่มีประโยชน์ในการวิเคราะห์ตลาด มันสามารถเป็นเหมือนทั้งกลยุทธการลงทุนแบบสวนกระแส และยังสามารถแสดงให้เห็นว่าถ้ามีเชื้อเพลิงหลงเหลืออยู่ การเคลื่อนไหวของราคาล่าสุดก็อาจจะดำเนินต่อไปได้ อย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่ควรจะจำเอาไว้ ตัวชี้วัดองค์ประกอบของตลาดและการถือสถานะซื้อขายเป็นตัวชี้วัดที่แสดงข้อมูลย้อนหลัง ซึ่งหมายความว่ามันค่อนข้างเป็นเรื่องปกติที่เห็นการเปลี่ยนของตัวชี้วัดเหล่านี้หลังจากนั้น ไม่ใช่ก่อนหน้าที่มีการเคลื่อนไหวของราคาใดราคาหนึ่ง นั้นเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกมันถึงควรถูกใช้เป็นเครื่องมือเพิ่มเติม และไม่ควรถูกใช้เดียวๆ เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมของตลาด
ตราสารทางการเงินที่เรานำเสนอ โดยเฉพาะ CFD อาจมีความเสี่ยงสูง โปรดพิจารณาว่าคุณเข้าใจลักษณะของตราสาร และสามารถยอมรับความเสี่ยงในการสูญเสียเงินทุน การลงทุนตราสารทางการเงินอาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน โปรดทำความเข้าใจในความเสี่ยงทั้งหมดก่อนตัดสินใจลงทุน
เนื้อหาของบทความนี้มีไว้เพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปและวัตถุประสงค์ในการศึกษาเท่านั้น ความคิดเห็น การวิเคราะห์ ราคา หรือเนื้อหาอื่น ๆ ไม่ควรตีความว่าเป็นคำแนะนำด้านการลงทุนภายใต้กฎหมายของเบลีซ
ประสิทธิภาพที่ผ่านมาไม่ได้บ่งบอกถึงผลลัพธ์ในอนาคตเสมอ และลูกค้าที่ตัดสินใจโดยอิงจากข้อมูลนี้ถือเป็นความเสี่ยงของตนเองทั้งหมด XTB จะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใดๆ รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการสูญเสียผลกำไรใดๆ ซึ่งอาจเกิดขึ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมจากการใช้หรือการพึ่งพาข้อมูลดังกล่าว การตัดสินใจซื้อขายทั้งหมดควรขึ้นอยู่กับวิจารณญาณที่เป็นอิสระของคุณเสมอ