ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ฟอเร็กซ์” (Forex) หรือ “FX” นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจโลก ไม่เพียงแต่ส่งผลโดยตรงต่อตลาดการเงินเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมอีกด้วย ดังนั้น แม้แต่นักลงทุนที่ไม่ได้ลงทุนโดยตรงในตลาดฟอเร็กซ์ ก็ยังอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับตลาดนี้ในทางใดทางหนึ่ง เพราะสกุลเงินเป็นสิ่งที่ใช้ในการทำธุรกรรมเกือบทุกประเภทในตลาดต่าง ๆ ทั่วโลก
ตัวอย่างเช่น หากนักลงทุนต้องการซื้อหุ้น พวกเขาจะใช้สกุลเงินใดสกุลเงินหนึ่งในการซื้อ เช่น ดอลลาร์สหรัฐ (USD) เช่นเดียวกับการซื้อทองคำ ซึ่งก็ต้องใช้เงินสกุลเดียวกัน หลักการเดียวกันนี้ใช้กับตลาดฟอเร็กซ์ เมื่อคุณซื้อขายในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ คุณจะซื้อหรือขายเป็นคู่ของสกุลเงินสองสกุล กุญแจสำคัญของการลงทุนในตลาดนี้อย่างประสบความสำเร็จ คือการวิเคราะห์ตลาดอย่างถูกต้อง และเลือกซื้อสกุลเงินที่มีแนวโน้มแข็งค่ามากกว่าสกุลเงินที่อ่อนค่า
อัตราแลกเปลี่ยนทำงานอย่างไร?
อัตราแลกเปลี่ยนมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยได้รับอิทธิพลจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ สิ่งที่นักเทรดฟอเร็กซ์พยายามทำคือการสร้างกำไรจากความผันผวนเหล่านี้ โดยคาดการณ์ว่าราคาแลกเปลี่ยนจะขึ้นหรือลง
คู่สกุลเงินในตลาดฟอเร็กซ์จะถูกกำหนดโดยการเปรียบเทียบค่าสกุลเงินหนึ่งกับอีกสกุลหนึ่ง โดยแต่ละคู่จะประกอบด้วย "สกุลเงินหลัก" ซึ่งอยู่ด้านหน้า และ "สกุลเงินรอง" ซึ่งอยู่ด้านหลังของคู่เงินนั้น
สกุลเงินแต่ละสกุลสามารถแข็งค่าขึ้น (ราคาเพิ่มขึ้น) หรืออ่อนค่าลง (ราคาลดลง) ได้ และเนื่องจากในการเทรดฟอเร็กซ์มีสองสกุลเงินต่อหนึ่งคู่ จึงหมายความว่าโดยพื้นฐานแล้ว คุณกำลังคาดการณ์ความเคลื่อนไหวที่อาจเกิดขึ้นได้ถึงสี่รูปแบบ
หากคุณเชื่อว่าสกุลเงินหนึ่งจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับอีกสกุลหนึ่ง คุณจะทำการ ซื้อ (Buy) หรือ ‘Long’ สกุลเงินนั้น
ในทางกลับกัน หากคุณเชื่อว่าสกุลเงินหนึ่งจะมีมูลค่าลดลงเมื่อเทียบกับอีกสกุลหนึ่ง คุณจะทำการ ขาย (Sell) หรือ ‘Short’ สกุลเงินนั้น
ตัวอย่างเช่น:
หากคุณคาดว่าเงินยูโร (EUR) จะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ (USD) คุณจะทำการ "ซื้อ" คู่สกุลเงิน EUR/USD
หรือหากคุณคิดว่า USD จะอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับ EUR คุณก็สามารถ "ซื้อ" คู่ EUR/USD ได้เช่นกัน
ในทางกลับกัน หากคุณคิดว่า USD จะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับ EUR หรือ EUR จะอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับ USD คุณควร "ขาย" คู่ EUR/USD
ด้วยความผันผวนเหล่านี้ ตลาดฟอเร็กซ์จึงเปิดโอกาสให้คุณสามารถเทรดและทำกำไรได้แทบจะตลอดเวลา — รายวัน รายชั่วโมง หรือแม้แต่รายนาที
ในตัวอย่างนี้ นักเทรดสามารถเปิดสถานะ “ซื้อ” คู่เงิน EUR/USD ได้เมื่อราคาทะลุแนวรับของกรอบขาขึ้น
ในทางกลับกัน นักเทรดอาจเลือก “ขาย” EUR/USD หากราคาทดสอบแนวต้านของกรอบแนวโน้มขาขึ้น
แหล่งที่มา: xStation 5
ข้อมูลและการวิเคราะห์ที่อ้างอิงจากข้อมูลในอดีตหรือผลลัพธ์ที่ผ่านมา ไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะเกิดผลลัพธ์เช่นเดียวกันในอนาคต
ปัจจัยใดสำคัญที่สุดที่ส่งผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ?
ก่อนอื่น โลกของสกุลเงินถูกขับเคลื่อนโดยปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในระยะยาว ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจของประเทศหนึ่งเป็นตัวกำหนดมูลค่าของสกุลเงินท้องถิ่น นักลงทุนจึงให้ความสนใจกับการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจมหภาค และพยายามตีความข้อมูลเหล่านั้นเพื่อประเมินแนวโน้มของสกุลเงินต่าง ๆ
รายงานทางเศรษฐกิจที่สำคัญส่วนใหญ่ ได้แก่:
- ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
- การผลิตภาคอุตสาหกรรม
- ยอดค้าปลีก
- ข้อมูลการจ้างงาน
- อัตราเงินเฟ้อ
- ผลสำรวจต่าง ๆ เช่น ดัชนี PMI หรือ ISM
นอกจากนี้ อัตราแลกเปลี่ยนยังได้รับผลกระทบจากสภาวะทางการเงินอีกด้วย นักลงทุนในตลาดฟอเร็กซ์จึงติดตามความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางขนาดใหญ่ เนื่องจากเป็นผู้กำหนดนโยบายการเงิน เหตุการณ์ที่นักลงทุนจับตามองมากที่สุด ได้แก่ การตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ย ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นมักจะส่งผลให้สกุลเงินแข็งค่าขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยอื่นที่สำคัญไม่แพ้กัน เช่น คำแถลงหรือบทสัมภาษณ์ของประธานธนาคารกลาง รวมถึงรายงานเกี่ยวกับสภาพคล่องทางการเงินและเสถียรภาพของระบบการเงิน
นอกจากปัจจัยพื้นฐานแล้ว นักเทรดฟอเร็กซ์ยังใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคในการตัดสินใจลงทุน โดยพยายามคาดการณ์ความเคลื่อนไหวของราคาจากการศึกษากราฟราคา การวิเคราะห์รูปแบบกราฟและอินดิเคเตอร์ทางเทคนิคในอดีต ช่วยให้พวกเขามองเห็นจุดเข้าออกที่เหมาะสมมากขึ้น ดังนั้น การเข้าใจพื้นฐานอย่างน้อย เช่น ระดับแนวรับ-แนวต้าน ช่องราคาหรือเส้นแนวโน้ม จึงถือเป็นเรื่องสำคัญ
การซื้อขาย CFD Forex
CFD หรือ "สัญญาซื้อขายส่วนต่าง" (Contract for Difference) คือเครื่องมือทางการเงินประเภทหนึ่ง ซึ่งเป็นข้อตกลงระหว่างสองฝ่ายในการแลกเปลี่ยนส่วนต่างของมูลค่าระหว่างราคาที่เปิดสถานะกับราคาที่ปิดสถานะ
CFD ถือเป็นตราสารอนุพันธ์ประเภทหนึ่งในตลาดที่ไม่มีศูนย์กลาง (OTC – Over the Counter) เนื่องจากการซื้อขายดำเนินการโดยตรงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย และมูลค่าของมันขึ้นอยู่กับราคาของสินทรัพย์อ้างอิง
สิ่งสำคัญที่ควรเข้าใจคือ เมื่อคุณซื้อ CFD โดยคาดว่าราคาจะเพิ่มขึ้น เช่น คู่เงิน EURUSD หรือทองคำ คุณไม่ได้เป็นเจ้าของสกุลเงินหรือโลหะมีค่าเหล่านั้นจริง ๆ
คุณเพียงแค่เก็งกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคาตลาดเท่านั้น
CFD Forex ถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือการเงินส่วนบุคคลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่นักลงทุน
ความนิยมนี้เกิดจากคุณสมบัติเฉพาะหลายประการของการซื้อขาย CFD บนสกุลเงิน:
- เวลาในการซื้อขาย – ตลาดฟอเร็กซ์คือ "ตลาดที่ไม่เคยหลับ" เพราะคุณสามารถทำการซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์!
- การเข้าถึงที่ง่าย – ในขณะที่การลงทุนรูปแบบอื่นมักต้องใช้เงินลงทุนเริ่มต้นจำนวนมาก (มีข้อจำกัดในการเข้าถึงสูง) แต่คุณสามารถเริ่มต้นในตลาด Forex ได้เพียงไม่กี่ร้อยดอลลาร์หรือยูโร โดยไม่จำเป็นต้องมีเงินฝากขั้นต่ำ
- เลเวอเรจ (Leverage) – CFD ฟอเร็กซ์ (เช่นเดียวกับตราสารอนุพันธ์ส่วนใหญ่) มีการใช้เลเวอเรจ ซึ่งหมายความว่าคุณไม่จำเป็นต้องใช้เงินเต็มจำนวนในการเปิดสถานะ ตัวอย่างเช่น การลงทุนในคู่เงิน EUR/USD มูลค่า 10,000 ยูโร อาจใช้มาร์จิ้นเพียง 333 ยูโรเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ควรระลึกไว้ว่าเลเวอเรจสามารถขยายทั้งกำไรที่อาจเกิดขึ้นและขาดทุนที่อาจตามมาเช่นกัน
- ต้นทุนการซื้อขายต่ำ – สำหรับโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ส่วนใหญ่ การเปิดบัญชีและถือบัญชีมักไม่มีค่าใช้จ่าย และค่าคอมมิชชั่นจากการซื้อขาย CFD ก็มักจะอยู่ในระดับที่ต่ำมาก ต้นทุนในการเปิดออเดอร์อาจขึ้นอยู่กับประเภทบัญชี, สเปรด (Spread) หรือค่าคอมมิชชั่นเพิ่มเติม
- สามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง – ด้วย CFD บนสกุลเงิน คุณสามารถเก็งกำไรจากทั้งราคาที่ “เพิ่มขึ้น” และ “ลดลง” ไม่เหมือนกับการลงทุนแบบดั้งเดิมทั่วไป (เช่น การซื้อหุ้น) หากคุณคาดว่าราคาของคู่เงินจะเพิ่มขึ้น คุณสามารถเปิดสถานะซื้อ (Long) และหากคุณคาดว่าจะลดลง คุณก็สามารถเปิดสถานะขาย (Short) ได้
- ความผันผวนสูง – กลยุทธ์ของนักเก็งกำไรพื้นฐานคือการซื้อสินทรัพย์ในราคาที่ต่ำและขายในราคาที่สูงขึ้น (หรือในทางกลับกัน) ดังนั้น "ความผันผวน" จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดน่าสนใจ และตลาด Forex ก็ถือเป็นหนึ่งในตลาดที่มีความผันผวนสูงที่สุดในโลก อย่างไรก็ตาม ความผันผวนที่สูงก็เปรียบเสมือนดาบสองคม เพราะมันสามารถเพิ่มทั้งโอกาสในการทำกำไร และความเสี่ยงในการขาดทุนอย่างมีนัยสำคัญ
ตัวอย่างการซื้อขายฟอเร็กซ์
ตัวอย่างที่ 1 : GBP/USD
ลองจินตนาการว่า สหราชอาณาจักรมีการประกาศข้อมูลการจ้างงาน และผลลัพธ์ที่ออกมานั้นแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยจำนวนการจ้างงานลดลง ขณะที่ประมาณการก่อนหน้านี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิด
ตามหลักการแล้ว ข่าวประเภทนี้ถือเป็นข่าวร้ายสำหรับเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) เนื่องจากสร้างความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจ ในกรณีเช่นนี้ เทรดเดอร์อาจตัดสินใจ "เก็งกำไรขาลง" กับเงินปอนด์ทันทีหลังข่าวประกาศ เช่น การเปิดสถานะขาย (Short) ในคู่เงิน CFD GBP/USD
ในการเปิดสถานะขาย เทรดเดอร์ควรเลือกขนาดล็อตที่เหมาะสม จากนั้นคลิกที่ปุ่มสีแดงที่มุมซ้ายบนของกราฟ ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อขายแบบทันที (Market Order) วิธีนี้เป็นวิธีที่รวดเร็วที่สุดในการดำเนินการซื้อขายใด ๆ ปุ่มสีแดงจะแสดงราคาที่คุณสามารถเข้าสถานะ "ขาย" ได้ในขณะนั้น
ในการขายคู่สกุลเงิน GBP/USD CFD คุณสามารถคลิกที่ ปุ่มสีแดง ซึ่งแสดงถึงการขายคู่สกุลเงิน (บริเวณที่มีลูกศรชี้คือโมดูล “คลิก & เทรด” หรือ Click & Trade ที่ติดตั้งไว้ในแพลตฟอร์มโดยอัตโนมัติ)
คุณไม่จำเป็นต้องถือครองสินทรัพย์อ้างอิงใด ๆ ในการซื้อขาย CFD เนื่องจากคุณเพียงแค่เก็งกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคาเท่านั้น
แหล่งที่มา: xStation 5
โปรดทราบว่า ข้อมูลและการวิเคราะห์ที่อ้างอิงจากข้อมูลในอดีตหรือผลลัพธ์ก่อนหน้า ไม่ได้รับประกัน ว่าจะได้ผลลัพธ์แบบเดียวกันในอนาคต
เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้นและใช้สำหรับการศึกษาเท่านั้น ความคิดเห็น การวิเคราะห์ ราคา หรือเนื้อหาอื่น ๆ ในเอกสารนี้ ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้คำแนะนำในการลงทุน หรือเพื่อให้ความเข้าใจด้านกฎหมายของประเทศ Belize
ผลประกอบการในอดีตไม่ได้เป็นการรับประกันถึงผลประกอบการในอนาคต การกระทำหรือการตัดสินใจใด ๆ ตามข้อมูลในเอกสารนี้ เป็นความเสี่ยงของผู้ดำเนินการเอง XTB ไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อความสูญเสีย ความเสียหาย หรือผลกำไรหรือขาดทุนใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อมจากการใช้ข้อมูลในเอกสารนี้
ทุกการตัดสินใจลงทุนควรพิจารณาอย่างรอบคอบ และเป็นความรับผิดชอบของท่านเอง