หุ้นร่วงต้องทำอย่างไร? คู่มือเอาตัวรอดของนักลงทุนฉบับเข้าใจง่าย

บทความที่เกี่ยวข้อง:
เวลาอ่าน: 2 นาที
ชายคนหนึ่งนั่งหน้าจอกราฟหุ้น กำลังวิเคราะห์ข้อมูลอย่างตั้งใจ

การเห็นตลาดหุ้นร่วงอาจทำให้คุณรู้สึกหวั่นไหว แต่ไม่ได้แปลว่าคุณต้องตื่นตระหนก ในบทความนี้ เราจะพาคุณเรียนรู้วิธีคิดอย่างมีสติ รับมือกับความผันผวนอย่างมืออาชีพ ปกป้องพอร์ตการลงทุน และแม้แต่เปลี่ยนวิกฤตให้กลายเป็นโอกาส ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนมือใหม่หรือมากประสบการณ์ กลยุทธ์เหล่านี้จะช่วยให้คุณลงทุนอย่างมั่นใจในทุกสถานการณ์ของตลาด มาเริ่มต้นด้วยแนวคิดที่ถูกต้องกันเลย!

แม้เราทุกคนหวังให้ตลาดหุ้นเติบโตต่อเนื่อง แต่ความผันผวนและการปรับตัวลงเป็นสิ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ นักลงทุนจึงต้องมีสติและพิจารณาทางเลือกอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจในช่วงตลาดขาลง

การเห็นมูลค่าพอร์ตลดลงไม่ใช่เรื่องง่าย แม้แต่นักลงทุนมืออาชีพก็อาจกังวล แต่ตลาดที่ปรับตัวลงเป็นเรื่องปกติของการลงทุนและไม่ใช่สัญญาณให้ตื่นตระหนก

ประวัติศาสตร์พิสูจน์ว่า ตลาดมักฟื้นตัวหลังจากร่วง และนำไปสู่จุดสูงสุดใหม่ นักลงทุนที่มีสติและตัดสินใจอย่างรอบคอบในช่วงวิกฤต มักประสบความสำเร็จในระยะยาว ต่างจากผู้ที่ขายเพราะความกลัวซึ่งมักเสียใจภายหลัง เช่นเดียวกับคำแนะนำของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ที่ว่า “จงกล้าซื้อเมื่อคนอื่นกลัว”

เมื่อตลาดปรับตัวลง คุณควรเลือกขาย ถือ หรือเพิ่มการลงทุนอย่างไร คู่มือนี้จะช่วยให้คุณเพิ่มความรู้ในการจัดการอารมณ์ บริหารความเสี่ยง และค้นหาโอกาสทำกำไรในช่วงความผันผวน เพื่อการลงทุนที่มั่นคงและยั่งยืน

ข้อมูลสำคัญ

  • การที่ตลาดปรับตัวลงเป็นเรื่องปกติ อย่าตื่นตระหนก: นักลงทุนทุกคนต้องเจอกับช่วงขาลง แทนที่จะตอบสนองด้วยอารมณ์ ควรก้าวถอยหลัง ประเมินสถานการณ์ และตัดสินใจโดยอิงจากข้อเท็จจริง ไม่ใช่ความกลัว
  • การกระจายพอร์ตคือการป้องกันที่ดีที่สุด: การกระจายการลงทุนไปในหลายสินทรัพย์ เช่น หุ้น พันธบัตร สินค้าโภคภัณฑ์ และแม้แต่เงินสด จะช่วยลดผลกระทบเมื่อเกิดตลาดร่วง
  • พยายามจับจังหวะตลาดคือเกมที่แพ้แน่นอน: การเดาว่าตลาดจะขึ้นหรือลงตอนไหนแทบเป็นไปไม่ได้ ควรโฟกัสกับกลยุทธ์ระยะยาว เช่น การลงทุนแบบถัวเฉลี่ย (Dollar-Cost Averaging) ที่ช่วยให้คุณซื้อในราคาที่หลากหลายตลอดเวลา
  • ใช้ช่วงขาลงเป็นโอกาสในการซื้อ: ตลาดที่ตกไม่ใช่สัญญาณให้หนี บ่อยครั้งเป็นโอกาสในการซื้อหุ้นดีในราคาถูก — แต่ต้องเลือกลงทุนอย่างชาญฉลาด มุ่งเน้นที่บริษัทที่แข็งแกร่ง ไม่ใช่ไล่ตามหุ้นที่ตกแค่เพราะราคาลดลง
  • การบริหารความเสี่ยงคือหัวใจสำคัญ: หากความผันผวนของตลาดทำให้คุณเครียด ลองใช้คำสั่ง Stop-loss, กลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยง หรือสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำหรือพันธบัตรรัฐบาล และอย่าลืมประเมินความสามารถในการรับความเสี่ยงของตัวเอง
  • หลีกเลี่ยงการดูพอร์ตของคุณตลอดเวลา: การเช็กราคาหุ้นตลอดเวลาจะนำไปสู่การลงทุนด้วยอารมณ์ ซึ่งมักนำไปสู่การตัดสินใจที่ไม่ดี ยึดแผนที่วางไว้ ตรวจสอบพอร์ตเป็นระยะ และหลีกเลี่ยงการขยับโดยไร้เหตุผล
  • ติดตามข่าวแต่กรองเสียงรบกวนออก: พาดหัวข่าวอาจดูน่ากลัว แต่ไม่ใช่ทุกการร่วงของตลาดจะเป็นวิกฤต ควรแยกแยะระหว่าง “กระแส” กับ “สัญญาณเศรษฐกิจจริง” และให้ความสำคัญกับพื้นฐานระยะยาวมากกว่าความตื่นตระหนกระยะสั้น
  • วางแผนให้พร้อมก่อนตลาดจะร่วงรอบถัดไป: นักลงทุนที่ดีที่สุดไม่ใช่คนที่ตอบสนองเร็วที่สุด แต่คือคนที่เตรียมพร้อมมากที่สุด ตั้งระดับความเสี่ยงของคุณไว้ เตรียมลิสต์หุ้นที่คุณอยากซื้อเมื่อราคาตก และจัดพอร์ตให้พร้อมรับมือกับความผันผวน

วิธีรับมือเมื่อตลาดหุ้นร่วง

กุญแจสู่การเทรดที่ประสบความสำเร็จ
 

กระจายความเสี่ยง: “อย่าใส่ไข่ทั้งหมดไว้ในตะกร้าใบเดียว”

การจัดพอร์ตให้กระจายความเสี่ยงอย่างดี โดยกระจายไปในสินทรัพย์หลายประเภท จะช่วยลดความเสี่ยงเฉพาะตัว และส่งผลให้ความเสี่ยงรวมลดลงได้ ขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยงที่นักลงทุนยอมรับได้ พอร์ตอาจแบ่งบางส่วนไปไว้ในสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ เช่น หุ้นปันผล พันธบัตรรัฐบาล ทองคำ และเงินสด ส่วนอีกบางส่วนอาจลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงกว่า

ลงทุนอย่างสม่ำเสมอ

การจับจังหวะเข้าซื้อที่ดีที่สุดแทบเป็นไปไม่ได้ และการลงทุนเป็นก้อนใหญ่ในครั้งเดียวอาจเสี่ยงมาก ทางเลือกที่ดีกว่าคือกระจายการลงทุนออกไปในระยะเวลา เช่น การลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน (DCA) หรือการลงทุนประจำแบบแผนลงทุน (Investment Plans)

ข้อดีหลักของการลงทุนแบบสม่ำเสมอคือสามารถช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาดได้ เมื่อราคาสูง คุณจะซื้อหน่วยลงทุนน้อยลง แต่เมื่อราคาต่ำ คุณจะซื้อได้มากขึ้น เมื่อสะสมในระยะยาว กลยุทธ์นี้สามารถช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนได้มากขึ้น

บริหารความเสี่ยง

ควรรู้ขีดจำกัดความเสี่ยงที่ตัวเองรับได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในหุ้นรายตัว ETF หรือดูภาพรวมของพอร์ต คุณควรกำหนด “จุดสบายใจ” ไว้ล่วงหน้า หากการลงทุนเกินระดับนั้น ควรพิจารณาขายบางส่วนหรือวางแผน Stop-loss ไว้อย่างชัดเจน

ขั้นตอนควรทำเมื่อหุ้นตก?

ตั้งสติให้มั่น

ในช่วงตลาดผันผวน นักลงทุนมักตัดสินใจโดยใช้อารมณ์มากกว่าข้อเท็จจริง สิ่งแรกที่ควรทำคือหาข้อมูลเกี่ยวกับสาเหตุของการร่วง จุดเริ่มต้น และผลกระทบที่อาจตามมา จากนั้นประเมินว่าสถานการณ์นี้เป็นเพียงระยะสั้นหรือกระทบระยะยาวต่อพอร์ตของคุณ หลีกเลี่ยงการเช็กราคาหุ้นบ่อยเกินไป เพราะอาจทำให้คุณเทรดตามความรู้สึกมากกว่าวางแผนอย่างมีเหตุผล

ลดความเสี่ยงของพอร์ต

หากคุณต้องการลดความเสี่ยงในช่วงตลาดขาลง มีหลายกลยุทธ์ที่สามารถใช้ได้:

  • ขายบางส่วน: ลดการเปิดรับความเสี่ยง และรอจังหวะกลับเข้าตลาดเมื่อแนวโน้มดีขึ้น
  • ใช้สินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง (Hedging): หากยังไม่ต้องการขาย สามารถใช้เครื่องมือป้องกัน เช่น
  • Inverse ETF: ได้ประโยชน์เมื่อตลาดลดลง
  • ฟิวเจอร์สและออปชั่น: เปิดสถานะ Short หรือลงทุนในทางตรงข้ามกับทิศทางตลาด

ใช้โอกาสจากตลาดขาลงให้เป็นประโยชน์

ภาวะตลาดที่ย่อตัว อาจเป็นโอกาสทองในการเข้าซื้อหุ้นคุณภาพหรือเพิ่มสัดส่วนใน ETF ที่คุณเล็งไว้ หากมีเงินสดพร้อมลงทุน อย่ารีบคว้าหุ้นที่ดูเหมือนราคาตก ควรวางแผนอย่างเป็นระบบ เช่น:

  • จัดลิสต์หุ้นหรือ ETF ที่น่าสนใจไว้ล่วงหน้า
  • ใช้ฟีเจอร์ “รายการโปรด (Favourites)” บนแอป XTB เพื่อติดตามราคาที่เหมาะสม
  • พิจารณาลงทุนแบบถัวเฉลี่ย (DCA) เพื่อกระจายความเสี่ยงเรื่องจังหวะเวลา

แต่ละสินทรัพย์ตอบสนองต่อภาวะตลาดตกต่างกันอย่างไร

กลุ่มผู้ชายกำลังนั่งหน้าจอแสดงผลตลาดหุ้น กำลังพูดคุยและสังเกตแนวโน้มของตลาด

หุ้น (Stocks)

หุ้นมักเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบแรงที่สุดในช่วงที่ตลาดตก เนื่องจากโดยธรรมชาติแล้ว หุ้นไม่สามารถการันตีผลตอบแทนในอนาคตได้ ความไม่แน่นอนจึงสร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้นโดยรวม

  • บริษัทที่เติบโตเร็ว เช่น กลุ่มเทคโนโลยี มักได้รับผลกระทบมากที่สุดในช่วงเวลาที่ตลาดไม่มั่นคง
  • บริษัทคุณภาพสูงที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง และมีหนี้ต่ำ มักรับมือกับความปั่นป่วนของตลาดได้ดีกว่า
  • การร่วงเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรม (Sector-Specific Decline) จะส่งผลต่อบริษัทในกลุ่มนั้นมากที่สุด และอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น ซัพพลายเออร์และลูกค้า
  • การเทขายหุ้นแบบกว้าง ๆ (Broad-Market Sell-Off) สร้างโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนระยะยาว

ความผันผวนของหุ้น (Stock Market Volatility)

ราคาหุ้นของบริษัทมักผันผวนมากกว่ารายได้และกำไรจริงของบริษัท นั่นเป็นเพราะ “อารมณ์ของนักลงทุน” มีผลต่อราคาหุ้นอย่างมาก

ตัวอย่างเช่น หากบริษัทคาดการณ์ว่าจะมีรายได้เติบโต 3% ต่อปี แต่ราคาหุ้นอาจพุ่งขึ้นถึง 30% หากตลาดคาดหวังการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หรือเคยมองข้ามมูลค่าที่แท้จริงของบริษัท

ในทางกลับกัน บริษัทที่คาดว่าจะมีรายได้และกำไรโต 15% ต่อปีขึ้นไป อาจเห็นราคาหุ้นตกอย่างหนัก หากความคาดหวังของนักลงทุนก่อนหน้านี้สูงเกินจริง

ข้อสรุป นักลงทุนในตลาดหุ้นควรเตรียมใจและบริหารการเงินให้พร้อมรับมือกับความผันผวน โดยเฉพาะในช่วงวิกฤต

ดัชนี (Indices)

ดัชนีหุ้นมักร่วงน้อยกว่าหุ้นรายตัว เนื่องจากมีการกระจายความเสี่ยงในตัว และยังมี "Survivor Effect" — บริษัทที่อ่อนแอจะถูกแทนที่ด้วยบริษัทที่แข็งแกร่ง ทำให้การลงทุนในดัชนีเป็นกลยุทธ์ระยะยาวที่น่าสนใจ

วิธีที่มีประสิทธิภาพและประหยัดต้นทุนที่สุดในการเข้าถึงดัชนี คือการลงทุนผ่าน ETF ไม่ว่าจะซื้อโดยตรง หรือใช้แผนลงทุนอัตโนมัติ

สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities)

สินค้าโภคภัณฑ์มักมีพฤติกรรมไม่แน่นอน และการตอบสนองจะขึ้นอยู่กับสาเหตุของภาวะตลาดตก

ทองคำ สมควรกล่าวถึงเป็นพิเศษ เนื่องจากถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยแบบดั้งเดิม มีความสัมพันธ์ต่ำกับหุ้นและพันธบัตร ช่วยกระจายความเสี่ยงในพอร์ตได้ดี

หากนักลงทุนต้องการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์แบบเฉพาะเจาะจง หรือบริษัทที่เกี่ยวข้อง สามารถใช้ Commodity ETFs เพื่อเข้าถึงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตราสารหนี้ (Fixed Income)

พันธบัตรมักถือว่าเสถียรและปลอดภัยกว่าหุ้น เนื่องจากมีการจ่ายดอกเบี้ยตามงวด และคืนเงินต้นเมื่อครบกำหนด (หากผู้ออกพันธบัตรไม่ล้มละลาย)

ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ พันธบัตรเอกชน (Corporate Bonds) มักให้ผลตอบแทนสูงขึ้น (ราคาลดลง) เนื่องจากความเสี่ยงด้านเครดิตเพิ่มขึ้น พันธบัตรรัฐบาล (Government Bonds) มักมีความผันผวนน้อยกว่า และทำหน้าที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หากนักลงทุนถือพันธบัตรจนถึงวันครบกำหนด ความผันผวนของราคาตลาดจะไม่กระทบกับผลตอบแทนสุดท้าย

นักลงทุนสามารถเข้าถึงตลาดพันธบัตรผ่าน ETF ได้ในแอป XTB สินทรัพย์ทั้งหมดเหล่านี้สามารถซื้อขายได้โดย *ไม่มีค่าคอมมิชชัน (ยกเว้นพันธบัตร ซึ่งจะเปิดให้ลงทุนเร็ว ๆ นี้) สูงสุดถึง €100,000 ต่อเดือน หากเกินจากนี้ ค่าธรรมเนียมคือ 0.2% โดยขั้นต่ำ €10 ต่อคำสั่ง ซึ่งสามารถทำได้ทั้งผ่านแอป XTB หรือ xStation

บทสรุป

การที่ตลาดปรับตัวลงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับนักลงทุนทุกคน แต่สิ่งที่จะกำหนดความสำเร็จของคุณไม่ใช่ “การร่วงของตลาด” แต่คือ “วิธีที่คุณตอบสนองกับมัน” ต่างหาก

แทนที่จะตื่นตระหนก ควรตั้งสติ ประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบ และยึดมั่นในแผนการลงทุนระยะยาวของคุณ การกระจายพอร์ตอย่างเหมาะสม การตั้งจุด Stop-loss และการรักษาวินัยทางการเงินคือเครื่องมือสำคัญในการจัดการความเสี่ยง

ในขณะที่ตลาดกำลังร่วง นักลงทุนที่มีวินัยมองเห็นโอกาสในการเข้าซื้อหุ้นหรือ ETF คุณภาพในราคาที่ถูกลง โดยไม่พยายามจับจังหวะตลาดที่คาดเดายาก กลยุทธ์อย่างการลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน (Dollar-Cost Averaging) จะช่วยลดความผันผวน และสร้างความมั่นคงในระยะยาว

สุดท้าย อย่าลืมติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด หลีกเลี่ยงการตัดสินใจตามอารมณ์ และใช้ช่วงตลาดตกให้เป็นโอกาสในการปรับพอร์ตให้แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม

 

เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้นและใช้สำหรับการศึกษาเท่านั้น ความคิดเห็น การวิเคราะห์ ราคา หรือเนื้อหาอื่น ๆ ในเอกสารนี้ ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้คำแนะนำในการลงทุน หรือเพื่อให้ความเข้าใจด้านกฎหมายของประเทศ Belize

ผลประกอบการในอดีตไม่ได้เป็นการรับประกันถึงผลประกอบการในอนาคต การกระทำหรือการตัดสินใจใด ๆ ตามข้อมูลในเอกสารนี้ เป็นความเสี่ยงของผู้ดำเนินการเอง XTB ไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อความสูญเสีย ความเสียหาย หรือผลกำไรหรือขาดทุนใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อมจากการใช้ข้อมูลในเอกสารนี้

ทุกการตัดสินใจลงทุนควรพิจารณาอย่างรอบคอบ และเป็นความรับผิดชอบของท่านเอง

 

คำถามที่พบบ่อย

ตลาดหุ้นผันผวนเป็นเรื่องธรรมชาติ อาจเกิดจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว อัตราดอกเบี้ยสูง ความไม่แน่นอนทางการเมือง หรือแรงขายจากนักลงทุน แทนที่จะกังวลเกินไป ควรประเมินว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกระทบเป้าหมายระยะยาวของคุณจริงหรือไม่

อย่าเพิ่งตัดสินใจด้วยอารมณ์ ลองถามตัวเองว่า “ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทเปลี่ยนแปลงหรือยัง?” ถ้าไม่ การถือไว้ต่ออาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า การขายเพราะความกลัวมักนำไปสู่การขาดทุนที่ไม่จำเป็น

ใช้การกระจายความเสี่ยง (Diversification) ถือสินทรัพย์หลายประเภท เช่น หุ้น พันธบัตร เงินสด และทองคำ พิจารณาตั้ง Stop-loss หรือใช้กลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยง เช่น ฟิวเจอร์สหรือออปชัน ถ้าคุณจัดพอร์ตเอง

ใช่ ถ้าคุณวางแผนไว้ดี ช่วงตลาดตกมักเปิดโอกาสซื้อหุ้นดีในราคาน่าสนใจ แต่อย่าทุ่มหมดหน้าตัก ค่อยๆ ลงทุนแบบ DCA (ถัวเฉลี่ยต้นทุน) จะช่วยลดความเสี่ยงจากการ “จับจังหวะผิด”

หยุดรีเฟรชแอปทุก 5 นาที! ยึดตามแผนที่วางไว้ มองระยะยาว เตือนตัวเองว่าความผันผวนเป็นเรื่องปกติของการลงทุน การไม่ตอบสนองด้วยอารมณ์คือกุญแจสำคัญ

เลือกสินทรัพย์ที่มั่นคง เช่น หุ้นกลุ่มสุขภาพ สินค้าจำเป็น ทองคำ หรือพันธบัตรรัฐบาล หากรับความเสี่ยงได้ อาจใช้ Inverse ETF หรืออนุพันธ์เพื่อป้องกันพอร์ตในระยะสั้น

เข้าสู่ตลาดพร้อมลูกค้าของ XTB Group กว่า 1 600 000 ราย

ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เราให้บริการมีความเสี่ยง เศษหุ้น (Fractional Shares) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ให้บริการจาก XTB แสดงถึงการเป็นเจ้าของหุ้นบางส่วนหรือ ETF เศษหุ้นไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ทางการเงินอิสระ สิทธิของผู้ถือหุ้นอาจถูกจำกัด
ความสูญเสียสามารถเกินกว่าเงินที่ฝาก