3 ตลาดที่ควรติดตามในสัปดาห์หน้า - 11/04/2025

สัปดาห์ที่สองของเดือนเมษายนเต็มไปด้วยความผันผวนของตลาดอย่างมาก ก่อนหน้านี้ ดัชนีตลาดสหรัฐฯ ได้เข้าสู่ตลาดหมีอย่างเป็นทางการ และตามมาด้วยหนึ่งในเซสชั่นที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของวอลล์สตรีทหลังจากการประกาศระงับภาษีสินค้าชั่วคราว 90 วัน — ยกเว้นจีน ปัจจุบันสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนได้ไปถึงจุดสูงสุด ทำให้ข้อมูลเกี่ยวกับภาษีและข้อตกลงที่อาจเกิดขึ้นมีความสำคัญอย่างมากสำหรับตลาดก่อนเข้าสู่วันหยุดอีสเตอร์ นอกจากนี้ยังมีรายงานเศรษฐกิจหลายฉบับที่คาดว่าจะเผยแพร่ รวมถึงข้อมูล GDP ของจีน ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะประกาศการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย ดังนั้นสัปดาห์นี้ควรให้ความสนใจกับตลาดต่างๆ เช่น EURUSD, CHN.cash และ GOLD

EURUSD

คู่เงิน EURUSD แตะระดับสูงสุดในรอบสามปีท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการไหลออกของเงินทุนจากประเทศ นักลงทุนกำลังมองหาที่หลบภัยในสินทรัพย์ปลอดภัยอื่นๆ รวมถึงพันธบัตรยุโรปที่อัตราผลตอบแทนลดลงจากความคาดหวังการลดอัตราดอกเบี้ยโดย ECB ในวันพฤหัสบดีนี้ คาดว่า ECB จะลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 จุดเป็น 2.25% และอาจลดลงอีกเป็น 1.75% ภายในสิ้นปีนี้ แม้จะมีความคาดหวังอย่างมากเกี่ยวกับการลดอัตราดอกเบี้ยของ ECB แต่ตลาดอาจยังคงมองบวกกับยูโรหากสถานการณ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ ไม่ดีขึ้น

CHN.cash

ในสัปดาห์ที่สองของเดือนเมษายน เราได้รับข้อมูลอัตราเงินเฟ้อ CPI ของจีน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประเทศเข้าสู่ภาวะเงินฝืด ข้างหน้าคือการเปิดเผยข้อมูล GDP ไตรมาส 1 ปี 2025 ของจีน ซึ่งมีกำหนดในวันพุธในช่วงเซสชั่นเอเชีย คาดว่าข้อมูลจะบ่งชี้การชะลอตัวเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ปี 2024 โดยอัตราการเติบโตปีต่อปีคาดว่าจะอยู่ที่ 5.2% ลดลงจาก 5.4% ปีต่อปี อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์หลายคนบอกว่าอัตราการเติบโตจริงๆ ใกล้เคียงกับ 3–4% แม้ว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะยังคงดำเนินต่อไป (ภาษีสินค้าสหรัฐฯ ที่ 145% และภาษีสินค้าจีนที่ 125%) ดัชนีของจีนกลับมาแข็งแกร่งขึ้น มีสัญญาณว่าจีนอาจลดการถือครองพันธบัตรสหรัฐฯ ซึ่งอาจนำไปสู่การซื้อสินทรัพย์ในตลาดในประเทศมากขึ้น เรากำลังสังเกตเห็นการแข็งค่าของหยวนจีนด้วย อย่างไรก็ตาม, ความรู้สึกในตลาดจะยังคงได้รับอิทธิพลจากข่าวสารเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสองเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก

GOLD

ทองคำทำสถิติสูงสุดใหม่ทะลุ $3,200 ต่อออนซ์ ผลตอบแทนในปีนี้อยู่ที่ 22% และบริษัทการลงทุนกำลังปรับเพิ่มประมาณการราคาทองคำสิ้นปี โดยบางรายคาดการณ์ว่าราคาจะสูงกว่า $4,000 ทองคำในขณะนี้ถูกมองว่าเป็นที่หลบภัยที่ดีที่สุดสำหรับเงินทุนที่เสรี เนื่องจากการขายพันธบัตรสหรัฐฯ อย่างรุนแรงท่ามกลางความไม่แน่นอนจากสงครามการค้า ความผันผวนของทองคำอาจยังคงดำเนินต่อไปเนื่องจากตลาดยังคงเสี่ยงต่อการอ่านข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคของสหรัฐฯ และสงครามการค้า