ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีแนวโน้มอย่างกว้างขวางว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในวันนี้ หลังจากรอบการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ยาวนาน
ธนาคารกลางยุโรปเข้าประชุมวันนี้ในโหมด “รอดูสถานการณ์” อย่างชัดเจน
หลังจากที่ได้เริ่มรอบการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2024 โดย ECB ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยไปแล้วถึง 8 ครั้ง ซึ่งมีแนวโน้มว่ารอบการลดดอกเบี้ยนี้อาจสิ้นสุดลง หรืออาจหยุดชั่วคราวเพื่อประเมินปัจจัยต่าง ๆ ก่อนพิจารณาปรับลดเพิ่มเติมภายหลังในปีนี้
ปัจจัยที่สร้างความกังวลให้กับผู้กำหนดนโยบายการเงินยุโรปในขณะนี้ ได้แก่:
เริ่มเทรดทันทีวันนี้ หรือ ลองใช้บัญชีทดลองแบบไร้ความเสี่ยง
เปิดบัญชี ลองบัญชีเดโม่ ดาวน์โหลดแอปมือถือ ดาวน์โหลดแอปมือถือ-
สงครามการค้าที่กำลังดำเนินอยู่
-
แนวโน้มเงินเฟ้อในอนาคต ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
-
สถานการณ์ในตลาดน้ำมันและก๊าซ
การประกาศอัตราดอกเบี้ยจะมีขึ้นในเวลา 13:15 น. ตามเวลา BST และการแถลงข่าวโดย คริสติน ลาการ์ด จะเริ่มขึ้น 30 นาทีหลังจากการประกาศ
บริบททางเศรษฐกิจมหภาคและภูมิรัฐศาสตร์ต่อการประชุมในครั้งนี้:
-
เงินเฟ้อทั่วไป (CPI) ทรงตัวอยู่ที่ 2.0% เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY)
-
เงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 2.3% YoY ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2022
-
ภาวะเงินเฟ้อด้านพลังงานลดลงอย่างรวดเร็ว โดยดัชนีย่อยด้านพลังงานของ CPI ลดลงถึง -2.7% YoY ในข้อมูลล่าสุดเดือนมิถุนายน
-
เงินเฟ้อภาคบริการยังสูงอยู่ที่ 3.3% YoY
-
การเติบโตของค่าจ้างชะลอลงเป็นไตรมาสที่สองติดต่อกัน ซึ่งชี้ให้เห็นถึงศักยภาพที่เงินเฟ้อพื้นฐานอาจลดลงเพิ่มเติม
-
อย่างไรก็ตาม แบบสำรวจของ ECB ชี้ว่า ราคาบริการที่ยังคงเหนียวแน่นอาจกำลังซ่อนแรงกดดันด้านต้นทุนโดยรวมที่อ่อนตัวลง
ภาษีศุลกากรสูงจากสหรัฐฯ ที่มีต่อสหภาพยุโรป อาจทำให้ ECB ต้องลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการเรียกเก็บภาษีในอัตราที่สูงมากกับสินค้าประเภทเวชภัณฑ์ (pharmaceuticals)
-
แบบจำลอง SHOK ของ Bloomberg คาดว่า หากเก็บภาษีเวชภัณฑ์ 25% จะส่งผลให้ GDP ของยูโรโซนลดลง 0.3 จุดเปอร์เซ็นต์
-
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยังได้ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีสูงสุดถึง 200% ในระยะยาว
สถานการณ์ฐาน (baseline) ปัจจุบันยังคาดว่า ภาษีศุลกากรต่อสินค้ายุโรปจะเพิ่มจาก 10% เป็น 30%
แต่อีกทางหนึ่ง อัตรา 15% ก็ยังอยู่ในการหารือ โดยความหวังของผู้ผลิตยุโรปอยู่ที่ ข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่น ซึ่งใช้อัตรา 15% พอดี
เงินเฟ้อได้ทรงตัวที่ระดับ 2.0% แล้ว แต่ความเสี่ยงของภาวะเงินฝืดเริ่มปรากฏขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเราต้องเผชิญกับความเสี่ยงของสงครามการค้าที่รุนแรงขึ้น การดำเนินมาตรการตอบโต้ที่เข้มแข็งจากสหภาพยุโรปเท่านั้นที่จะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น
ที่มา: Bloomberg Finance LP, XTB
ECB จะยังคงท่าทีเป็นกลาง แต่ยังมีความเป็นไปได้ในการลดดอกเบี้ย
คำแถลงล่าสุดจาก คริสติน ลาการ์ด บ่งชี้อย่างชัดเจนว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในยูโรโซนน่าจะสิ้นสุดลงแล้ว
ในทางตรงกันข้าม รองประธาน ECB หลุยส์ เด กินโดส และ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ฟิลิป เลน ได้เน้นย้ำว่า เป้าหมายหลักของธนาคารคือการป้องกันไม่ให้เกิดภาวะเงินฝืดแบบฝังลึก
ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่า ECB ยังเปิดทางให้กลับมาลดดอกเบี้ยอีกครั้ง หากจำเป็น
อย่างไรก็ตาม ตลาดในปัจจุบันยังไม่ให้น้ำหนักมากกับความเป็นไปได้ในการลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายน
แต่ก็ยัง เปิดรับโอกาสที่จะมีการลดดอกเบี้ยในช่วงปลายปีนี้
Probabilities for further interest rate cuts in the euro area. As can be seen, less than one full cut is priced in for the end of this year. Source: Bloomberg Finance LP, XTB
มีการเกิดพรีเมียมบนผลตอบแทนพันธบัตรระยะเวลา 10 ปี เมื่อเทียบกับระดับอัตราดอกเบี้ยปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นสถานการณ์ปกติ อย่างไรก็ตาม ควรสังเกตว่าในอดีตช่วงความต่างระหว่างผลตอบแทนพันธบัตรกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากนั้นกว้างกว่านี้ ซึ่งบ่งชี้ว่ายังมีความเป็นไปได้ที่ ECB จะปรับลดดอกเบี้ยจากระดับปัจจุบันได้อีก
ที่มา: Bloomberg Finance LP, XTB
แนวโน้มต่อไปของ EUR/USD
หากวันนี้มีสัญญาณใด ๆ ที่บ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ในการลดอัตราดอกเบี้ย ยูโรอาจถูกกดดันให้ลดลงมากขึ้น
นอกจากนี้ หากสงครามการค้ารุนแรงขึ้น โดยมีอัตราภาษีศุลกากรมากกว่า 20% อาจก่อให้เกิดภาวะเงินฝืดและผลักดันให้ ECB ลดดอกเบี้ยเร็วและมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม หากมีข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปที่ส่งผลให้อัตราภาษีถูกจำกัดไว้ในระดับต่ำ จะช่วยให้ EUR/USD มีแนวโน้มทรงตัวมากขึ้น หรือแม้แต่ขยับขึ้นไปใกล้ระดับ 1.20 ได้
โดยได้รับแรงหนุนจากความเชื่อมั่นในเชิงบวกของนักเก็งกำไรที่มีต่อยูโรอย่างค่อนข้างแข็งแกร่ง
นักเก็งกำไรมีความมั่นใจในทิศทางของยูโรมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม ดัชนียูโร TWI (ดัชนีน้ำหนักการค้าสกุลเงินยูโร) ปัจจุบันอยู่ในระดับที่สูงกว่าช่วง 5 ปีที่ผ่านมาอย่างมีนัยสำคัญ
ที่มา: Bloomberg Finance LP, XTB
EUR/USD วันนี้กำลังปรับตัวลดลงก่อนการตัดสินใจของ ECB แต่ยังคงอยู่ใกล้กับระดับสูงสุดในพื้นที่ล่าสุดอย่างมาก อย่างไรก็ตาม หากมีสัญญาณเชิงอ่อนนโยบาย (dovish) ออกมาจากการตัดสินใจวันนี้ อาจเกิดการลดลงไปยังเส้นคอ (neckline) ของรูปแบบกราฟหัวไหล่ (Head and Shoulders) ที่ระดับประมาณ 1.16 ได้
เป้าหมายที่เป็นไปได้ของรูปแบบนี้อยู่ที่ราว 1.1250
แต่ในทางกลับกัน โอกาสที่ EUR/USD จะพยายามทะลุผ่านจุดสูงสุดในพื้นที่ล่าสุดช่วงต้นเดือนกรกฎาคมก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ ซึ่งถ้าเกิดขึ้น อาจเปิดทางไปสู่ระดับ 1.20 ได้ในอนาคต
