Microsoft (MSFT.US) และ Meta Platforms จะประกาศผลประกอบการไตรมาสล่าสุดในวันนี้ พร้อมกับบริษัทในกลุ่ม "Magnificent Seven"
Microsoft ซึ่งมีปีงบการเงินแตกต่างจากปีปฏิทิน จะรายงานผลไตรมาส 4 ปี 2024/25 หลังตลาดปิด นักลงทุนจะจับตาดู:
-
แนวโน้มธุรกิจคลาวด์
-
ความเห็นจากผู้บริหารเกี่ยวกับการพัฒนา Copilot ต่อไป
-
ผลกระทบจากการปลดพนักงานจำนวนมากที่อาจมีต่ออัตรากำไร
-
แผนการพัฒนาบริษัทในสถานการณ์ใหม่ที่มีภาษีศุลกากรสูงขึ้น
เริ่มเทรดทันทีวันนี้ หรือ ลองใช้บัญชีทดลองแบบไร้ความเสี่ยง
เปิดบัญชี ลองบัญชีเดโม่ ดาวน์โหลดแอปมือถือ ดาวน์โหลดแอปมือถือบริษัททำผลงานดีกว่าตลาดโดยรวมอย่างมาก ตั้งแต่ต้นปี Microsoft เพิ่มขึ้น 22% ขณะที่ตลาดโดยรวมโตประมาณ 9%
ที่มา: xStation
ธุรกิจคลาวด์ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของ Microsoft
หนึ่งในประเด็นหลักที่นักลงทุนจับตามองในผลประกอบการของ Microsoft คือ ธุรกิจคลาวด์
Microsoft เป็นผู้เล่นสำคัญในตลาดนี้ รองจาก AWS ของ Amazon โดยรายได้จาก Azure เป็นส่วนที่เติบโตเร็วที่สุดของบริษัท
ในยุคปฏิวัติ AI รายได้จากธุรกิจคลาวด์คาดว่าจะช่วยเร่งการเติบโตของผลประกอบการอย่างมีนัยสำคัญ
ตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2023/24 รายได้ปีต่อปีในธุรกิจคลาวด์ของ Microsoft โตเฉลี่ยเกิน 30% (ยกเว้นไตรมาส 4 ที่ลดลงมาเหลือ 29%)
ซึ่งสูงกว่า Alphabet คู่แข่งรายสำคัญ ทั้งในแง่รายได้และอัตราการเติบโต ทำให้ธุรกิจคลาวด์เป็นจุดแข็งที่ Microsoft จะใช้ขยายความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง
โดยนักวิเคราะห์คาดว่ารายได้ในไตรมาส 4 ปี 2024/25 จะโต 34% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งจะเป็นการเติบโตสูงสุดตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2022/23
สัดส่วนรายได้จากคลาวด์ในรายได้รวมของบริษัทเพิ่มเป็น 39% จาก 35% เมื่อสองปีก่อน ถือเป็นตัวขับเคลื่อนมูลค่าบริษัทที่สำคัญ
นักวิเคราะห์คาดกำไรต่อหุ้นปรับปรุงที่ 3.37 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 14.3% จากปีก่อน และสูงกว่าคู่แข่ง
รายได้รวมคาดว่าจะอยู่ที่ 73.89 พันล้านดอลลาร์ โดยรายได้จากธุรกิจคลาวด์ (Intelligent Cloud) คาดว่าจะอยู่ที่ 29.1 พันล้านดอลลาร์
Microsoft มักจะรายงานผลประกอบการเหนือความคาดหมายมาตลอด 8 ไตรมาสที่ผ่านมา จึงมีความเป็นไปได้ว่านักลงทุนได้รวม “เบี้ยพิเศษจากผลประกอบการเกินคาด” ไว้แล้วก่อนประกาศผลวันนี้
ประมาณการผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2024/25 ของ Microsoft
ที่มา: Bloomberg Finance L.P.
-
รายได้รวมประมาณ: 73.89 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
-
รายได้จาก Microsoft Cloud ประมาณ: 45.96 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
-
รายได้จาก Intelligent Cloud ประมาณ: 29.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
-
การเติบโตรายได้ Azure และบริการคลาวด์อื่น ๆ (ไม่รวมผลกระทบจากค่าเงิน): +34.2%
-
รายได้จาก Productivity and Business Processes ประมาณ: 32.15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
-
รายได้จาก More Personal Computing ประมาณ: 12.67 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
-
กำไรต่อหุ้น (EPS) ประมาณ: 3.37 ดอลลาร์สหรัฐ
-
กำไรต่อหุ้นปรับปรุง (Adjusted EPS) ประมาณ: 3.37 ดอลลาร์สหรัฐ
-
กำไรจากการดำเนินงานประมาณ: 32.14 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
-
ค่าใช้จ่ายลงทุน (CapEx) ประมาณ: 17.89 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
-
ค่าใช้จ่ายลงทุนรวมค่าเช่าทางการเงิน (CapEx) ประมาณ: 23.17 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
-
รายได้ที่คำนวณด้วยอัตราแลกเปลี่ยนคงที่: +13.3%
-
การเติบโตของ Azure ที่มาจากปัจจัย AI ประมาณ: 17.25%
ประมาณการไตรมาส 1 ปี 2025/26
-
ค่าใช้จ่ายลงทุน (CapEx) ประมาณ: 18.08 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
-
ค่าใช้จ่ายลงทุนรวมค่าเช่าทางการเงิน ประมาณ: 24.21 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ประมาณการปีงบการเงิน 2025/26
-
ค่าใช้จ่ายลงทุน (CapEx) ประมาณ: 73.93 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
-
ค่าใช้จ่ายลงทุนรวมค่าเช่าทางการเงิน ประมาณ: 100.63 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
การนำ Copilot ไปใช้เทียบกับประสิทธิภาพ
ผู้บริหารยังคงมองโลกในแง่ดีอย่างมากต่อการพัฒนา Copilot ซึ่งเป็นหนึ่งในโซลูชันที่เติบโตเร็วที่สุดของบริษัทในช่วงปีที่ผ่านมา
CFO ของ Microsoft ระบุว่าจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นสามเท่าภายในปีเดียว
อย่างไรก็ตาม ปัญหาคือประสิทธิภาพของ Copilot
ผลทดสอบ IQ โดย Mensa Norway พบว่าโมเดลของ Microsoft ต่ำกว่าค่า IQ เฉลี่ยของมนุษย์ (ซึ่งกำหนดไว้ที่ 100) และยังต่ำกว่าระบบโมเดล AI อื่น ๆ เช่น OpenAI o3, Gemini, Grok, และ DeepSeek
ดังนั้น ความนิยมของ Copilot อาจมาจากความเข้ากันได้กับระบบนิเวศน์ของ Microsoft เป็นหลัก
แต่ถ้าผู้บริหารต้องการให้ Copilot เป็นแรงขับเคลื่อนรายได้อย่างต่อเนื่อง นักลงทุนจะต้องการฟังแผนการพัฒนาด้านเทคโนโลยีในอนาคต
ผลกระทบจากการปลดพนักงานจำนวนมากต่อผลประกอบการ
ตั้งแต่ต้นปี 2025 เป็นต้นมา Microsoft ดำเนินแผนลดต้นทุนด้วยการปลดพนักงานจำนวนมาก
ในไตรมาส 4 ปี 2024/25 ปลดไปแล้ว 6,300 คน และในเดือนกรกฎาคมมีการปลดอีก 9,000 คน
แม้ว่าจะมีการเพิ่มงบประมาณพัฒนา AI แต่ต้นทุนค่าจ้างที่ลดลงอาจชดเชยได้
ซึ่งจะช่วยเสริมอัตรากำไรของบริษัท และสนับสนุนการขึ้นราคาหุ้นในระยะถัดไป
การประเมินมูลค่าก่อนประกาศผล
เมื่อเทียบกับ Alphabet, Microsoft ไม่มีมูลค่าที่น่าสบายใจเท่าเดิม
บริษัทยังคงมีค่ามูลค่าสูงกว่าค่าเฉลี่ย 2 ปี ในหลายอัตราส่วนสำคัญ ยกเว้น Forward P/BV ที่ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย
เมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทในกลุ่ม "Magnificent Seven"
Microsoft มีค่ามูลค่าสูงกว่าบริษัทอื่นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะอัตราส่วน P/E ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของ 6 บริษัทอื่นถึง 24%
ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย 2 ปี ที่สูงกว่าประมาณ 13%
ดังนั้นการเพิ่มผลกำไรของ Microsoft จะเป็นประเด็นสำคัญมาก
ในกลุ่ม "Magnificent Seven" ปัจจุบันมีเพียง Nvidia และ Tesla ที่มีมูลค่าสูงกกว่า Microsoft เท่านั้น
การประเมินมูลค่าของ Microsoft เทียบกับหุ้นในกลุ่ม "Magnificent Seven"
ที่มา: Bloomberg Finance L.P.