🛢️ น้ำมันพุ่งขึ้น 7% หลังอิสราเอลโจมตีอิหร่าน

Israel attacked nuclear and military targets within Iran, extremely escalating the situation in the Middle East.

ปฏิบัติการถล่มอิหร่าน: อิสราเอลเปิดฉากโจมตีครั้งใหญ่ จุดชนวนความตึงเครียดในตะวันออกกลาง

ในช่วงเช้ามืดของวันที่ 13 มิถุนายน 2025 อิสราเอลได้เปิดปฏิบัติการทางทหารขนาดใหญ่ โดยพุ่งเป้าโจมตีใส่เป้าหมายยุทธศาสตร์หลายจุดทั่วอิหร่าน ซึ่งรวมถึงโรงงานเสริมสมรรถนะยูเรเนียมขั้นสูง โรงงานผลิตขีปนาวุธ และฐานทัพสำคัญ นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า บ้านพักและศูนย์บัญชาการของนายพลระดับสูง รวมถึงนักวิทยาศาสตร์ด้านนิวเคลียร์ของอิหร่านตกเป็นเป้าหมายด้วย

มีเครื่องบินรบเข้าร่วมปฏิบัติการกว่า 200 ลำ โจมตีเป้าหมายประมาณ 100 จุด การโจมตีทางอากาศครั้งนี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก รวมถึง นายพลโฮเซน ซาลามี ผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) และ นายพลโมฮัมหมัด บาเกรี หัวหน้าคณะเสนาธิการกองทัพอิหร่าน รวมถึงนักวิทยาศาสตร์ด้านนิวเคลียร์อีก 2 คน มีรายงานว่าการโจมตีได้ลุกลามไปยังเขตที่อยู่อาศัย ทำให้เกิดความกังวลเรื่องผู้เสียชีวิตในพลเรือน

ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ประกาศล้างแค้นทันที ขณะที่ฝั่งอิสราเอลได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ปิดโรงเรียน สนามบิน และแจ้งเตือนประชาชนให้ระวังการโจมตีตอบโต้จากอิหร่านทั้งในรูปแบบขีปนาวุธและโดรน ขณะนี้มีรายงานว่าโดรนอิหร่านเริ่มทะลวงเข้าอิสราเอลแล้ว

อิหร่านแถลงอย่างคลุมเครือว่า "โลกจะได้รู้ว่าทำไมอิหร่านจึงต้องเสริมสมรรถนะยูเรเนียม" ซึ่งถูกตีความว่าเป็นการบ่งบอกถึงเจตนาการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์

รัฐบาลสหรัฐฯ รีบออกแถลงการณ์ว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับปฏิบัติการดังกล่าว พร้อมเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายลดระดับความตึงเครียด และเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ในภูมิภาค

การโจมตีของอิสราเอลครั้งนี้ทำให้สถานการณ์ในภูมิภาคตึงเครียดรุนแรงยิ่งขึ้น และทำลายความหวังในการกลับมาเจรจานิวเคลียร์กับอิหร่าน ซึ่งเดิมมีกำหนดจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์นี้ ก่อนหน้านี้ อิหร่านเคยเตือนว่าหากถูกโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านนิวเคลียร์ จะตอบโต้ด้วยการโจมตีฐานทัพสหรัฐฯ ในภูมิภาคทันที

ฝั่งอิสราเอลอ้างว่า ปฏิบัติการเชิงรุกในครั้งนี้เป็นการป้องกันล่วงหน้า โดยอิงจากข้อมูลข่าวกรองที่ชี้ว่าอิหร่านกำลังเร่งพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ และอาจใกล้บรรลุขีดความสามารถในการสร้างอาวุธ

ปฏิกิริยาตลาด: น้ำมัน-ทองคำพุ่งแรง

ตลาดการเงินโลกตอบสนองต่อความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์อย่างรุนแรง โดยเฉพาะตลาดพลังงาน

• สัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นกว่า 10% ในช่วงแรก ก่อนจะย่อตัวลงเล็กน้อย โดยล่าสุดยังคงบวกอยู่ที่ +7% ใกล้ระดับ 72 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

• ราคาทองคำ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย เพิ่มขึ้นกว่า 1% ทะลุระดับ 3,440 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ความเคลื่อนไหวที่รุนแรงในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ สะท้อนถึงความวิตกของนักลงทุนต่อความเสี่ยงด้านอุปทานพลังงานในตะวันออกกลางที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว