🟡ทองคำเคลื่อนไหวต่อการเลือกตั้งสหรัฐฯ อย่างไร?

ราคาทองคำพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบปี โดยราคาพุ่งขึ้นตั้งแต่ต้นปี การพุ่งขึ้นครั้งนี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของธนาคารกลาง ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในตะวันออกกลาง และการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่มีการแข่งขันกันสูง แต่ผลการเลือกตั้งจะมีผลกระทบต่อราคาทองคำอย่างมีนัยสำคัญหรือไม่ แนวโน้มพื้นฐานปัจจุบันของทองคำจะเป็นอย่างไร และเราคาดว่าจะเห็นราคาทองคำแตะระดับสูงสุดตลอดกาลในปีนี้หรือไม่

ปีที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1980

ราคาทองคำเพิ่มขึ้นกว่า 33% ซึ่งถือเป็นผลงานที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษปี 1970 ยังไม่มีสัญญาณใดๆ บ่งชี้ว่าราคาจะพลิกกลับอย่างมีนัยสำคัญในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์โดยรวม มีสินทรัพย์เพียงไม่กี่รายการเท่านั้นที่ทำผลงานได้ดีกว่าทองคำ ในขณะที่สินค้าโภคภัณฑ์ เช่น โกโก้และน้ำส้มมีกำไรที่น่าประทับใจยิ่งกว่า ทองคำและเงินซึ่งมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดก็ให้ผลตอบแทนที่มากเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทองคำกำลังเข้าใกล้จุดสูงสุดตลอดกาลใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งแตกต่างจากสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ

ที่มา: Bloomberg Finance LP

ธนาคารกลาง ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และการเลือกตั้ง

ลงทุนในทองคำไม่มีการจ่ายดอกเบี้ยต่างจากการซื้อพันธบัตรหรือฝากเงินเข้าบัญชีธนาคาร ดังนั้นอัตราดอกเบี้ยที่ปรับสูงขึ้นอาจไม่ใช้สิ่งที่มีประโยชน์ต่อทองคำ อย่างไรก็ตาม ความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อและความไม่มั่นคงทางภูมิรัฐศาสตร์ทำให้นักลงทุนมองหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัย เช่น ทองคำ นอกจากนี้ ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ธนาคารกลางส่วนใหญ่กลับทิศทางและเริ่มลดอัตราดอกเบี้ย ธนาคารกลางสหรัฐ แม้จะช้าไปหน่อย แต่ก็ได้ลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างมีนัยสำคัญ และคาดว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปีนี้ การตัดสินใจของเฟดมีผลกระทบอย่างมากต่อเงินดอลลาร์และทองคำด้วย อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงมักเป็นประโยชน์ต่อการลงทุนในโลหะมีค่า

ความตึงเครียดในตะวันออกกลางยังคงมีอยู่ตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว และทวีความรุนแรงขึ้นในปีนี้ โดยอิสราเอลขยายปฏิบัติการทางทหาร และอิหร่านตอบโต้ด้วยการโจมตีด้วยขีปนาวุธ ความไม่มั่นคงที่เพิ่มขึ้นนี้ส่งผลให้ราคาทองคำสูงขึ้น แม้ว่าความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์มักจะส่งผลกระทบชั่วคราวต่อสินทรัพย์ แต่ผลกระทบต่อทองคำมีแนวโน้มที่จะคงอยู่ยาวนานกว่า เนื่องจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยและความไม่แน่นอนของตลาด นักลงทุนจึงกลับมาลงทุนใน ETF ทองคำ ซึ่งถือเป็นการไหลเข้าครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2022

ที่มา: Bloomberg Finance LP, XTB

ผลกระทบจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา

ในอดีตมีหลักฐานที่จำกัดเกี่ยวกับความสัมพันธ์โดยตรงระหว่างการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และราคาทองคำ อย่างไรก็ตาม ผลการเลือกตั้งจะส่งผลต่อนโยบายภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจมหภาคของสหรัฐฯ อย่างแน่นอน ซึ่งอาจก่อให้เกิดความผันผวนอย่างมากต่อเงินดอลลาร์และสินทรัพย์อื่นๆ ในสองรอบการเลือกตั้งก่อนหน้านี้ (ปี 2559 และ 2563) ราคาทองคำมีแนวโน้มลดลงในเดือนหลังการเลือกตั้ง ซึ่งอาจเกิดจากการขายทำกำไร รูปแบบที่คล้ายกันนี้อาจเกิดขึ้นได้ในปีนี้ โดยไม่คำนึงถึงผู้ชนะ

ทองคำดำเนินการอย่างไรในการเลือกตั้งครั้งก่อน? ที่มา: Bloomberg Finance LP, XTB

สถานะซื้อทองคำที่สูง ที่มา: Bloomberg Finance LP, XTB

ข้อเสนอนโยบายของผู้สมัครทั้งสองคนอาจมีผลกระทบต่อทองคำแตกต่างกัน:

• ชัยชนะของแฮร์ริสและสภาคองเกรสที่พรรคเดโมแครตควบคุม: สถานการณ์นี้จะทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเนื่องจากการใช้จ่ายของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้น ภาระหนี้ที่มากขึ้นอาจส่งผลให้อันดับความน่าเชื่อถือของเครดิตลดลง ซึ่งจะสนับสนุนราคาทองคำทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
• ชัยชนะของแฮร์ริสกับสภาคองเกรสที่แบ่งฝ่ายกัน: สถานการณ์นี้จะจำกัดขอบเขตของการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแต่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อทองคำในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม แนวโน้มในระยะยาวของทองคำยังคงเป็นไปในเชิงบวกเนื่องจากความท้าทายในการลดหนี้ของสหรัฐฯ อย่างมีนัยสำคัญ
• ชัยชนะของทรัมป์และสภาคองเกรสที่พรรครีพับลิกันควบคุม: ชัยชนะของทรัมป์อาจทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเนื่องจากนโยบายคุ้มครองทางการค้า แต่ยังอาจทำให้สถานะทางการคลังของสหรัฐฯ อ่อนแอลงเนื่องจากการลดภาษี ซึ่งอาจนำไปสู่การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือและสนับสนุนราคาทองคำในระยะกลางถึงระยะยาว นอกจากนี้ นโยบายต่างประเทศของทรัมป์อาจสร้างความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งจะส่งผลดีต่อทองคำ
• ชัยชนะของทรัมป์กับสภาคองเกรสที่แบ่งฝ่ายกัน: สถานการณ์นี้อาจจำกัดผลกระทบของนโยบายของทรัมป์และอาจส่งผลให้ราคาทองคำเคลื่อนไหวไม่คึกคัก

แนวโน้มของทองคำ

หลังจากการเพิ่มขึ้นอย่างมาก ความเป็นไปได้ที่ราคาทองคำจะปรับฐานก็สูงขึ้นมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เว้นแต่จะมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในนโยบายของ Fed การปรับเปลี่ยนนี้อาจไม่มากนัก แนวโน้มระยะยาวของทองคำยังคงน่าสนใจมาก เมื่อเทียบกับสินทรัพย์อย่างน้ำมัน S&P 500 และทองแดง ทองคำยังคงมีมูลค่าต่ำเกินไป นอกจากนี้ ความต้องการจากธนาคารกลาง ความสนใจของนักลงทุนในทองคำที่จับต้องได้ และความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ ต่างก็สนับสนุนการเพิ่มขึ้นของราคาทองคำ โดยปกติแล้วทองคำมีแนวโน้มจะขึ้นในอีก 12-24 เดือนหลังจากที่ Fed เริ่มลดอัตราดอกเบี้ย ดังนั้นการฟื้นตัวของโลหะจึงอาจยังไม่จบสิ้น

ราคาทองคำในช่วงก่อนหน้านี้ที่เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย ที่มา: Bloomberg Finance LP, XTB

Michal Stajniak, CFA

Commodity Market Analyst XTB