โลกของการเทรดอาจซับซ้อน การเข้าใจภาษาการเทรดถือเป็นก้าวสำคัญสู่การเป็นนักลงทุนที่มั่นใจและประสบความสำเร็จ การเข้าใจคำศัพท์สำคัญไม่เพียงช่วยให้คุณสามารถนำทางในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังช่วยให้สื่อสารได้ชัดเจนและตัดสินใจอย่างรอบคอบ
ในคู่มือนี้ เราจะอธิบายคำศัพท์การเทรดที่สำคัญซึ่งนักลงทุนทุกคนควรรู้ ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หัดลงทุนหรือกำลังพัฒนาความรู้เพิ่มเติม บทความนี้จะเป็นแหล่งข้อมูลที่ช่วยให้เข้าใจคำศัพท์ลึกลับและสร้างพื้นฐานที่มั่นคงสำหรับเส้นทางการลงทุนของคุณ
ไม่ว่าคุณจะต้องการเข้าสู่ตลาดการเงินอย่างมั่นใจ หรือเป็นนักลงทุนมือใหม่หรือมืออาชีพ การทำความเข้าใจกับคำศัพท์เหล่านี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ถูกต้องและพัฒนากลยุทธ์การเทรดที่มีประสิทธิภาพ มาลองเรียนรู้ไปด้วยกัน
ข้อมูลหลัก
- เข้าใจคำศัพท์ เข้าใจตลาด การรู้และเข้าใจคำศัพท์การเทรดที่สำคัญช่วยให้นักลงทุนสามารถนำทางในตลาดได้อย่างมั่นใจ วิเคราะห์กลยุทธ์ได้อย่างมีเหตุผล และตัดสินใจซื้อขายได้อย่างรอบคอบ
- เพิ่มความมั่นใจและการสื่อสารที่ชัดเจน การใช้คำศัพท์ที่ถูกต้องช่วยให้คุณสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพกับโบรกเกอร์ เพื่อนนักลงทุน และแพลตฟอร์มการเทรด ลดความเข้าใจผิด และเพิ่มความมั่นใจในทุกการสนทนาเกี่ยวกับตลาด
- ครอบคลุมแนวคิดหลักของการเทรด ตั้งแต่คำพื้นฐานอย่าง “Bid-Ask Spread” ไปจนถึงเครื่องมือบริหารความเสี่ยงอย่าง “Stop-Loss Orders” การเข้าใจคำเหล่านี้จะสร้างพื้นฐานที่มั่นคงสำหรับการเทรดอย่างมืออาชีพ
- ใช้ได้ในทุกตลาดการลงทุน คำศัพท์การเทรดเป็นภาษาสากลที่สามารถประยุกต์ใช้ได้กับทุกตลาด ไม่ว่าจะเป็นฟอเร็กซ์ หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ หรือตลาดคริปโทเคอร์เรนซี
- เสริมศักยภาพนักลงทุนทุกระดับ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนมือใหม่หรือเทรดเดอร์มืออาชีพ การพัฒนาความเข้าใจในคำศัพท์การเทรดจะช่วยยกระดับความรู้ด้านตลาด และส่งผลเชิงบวกต่อประสิทธิภาพในการลงทุนของคุณ
การเทรด (trading) คืออะไร?
![à¸à¸¥à¸¸à¹à¸¡à¹à¸à¸£à¸à¹à¸à¸à¸£à¹à¸à¸³à¸¥à¸±à¸à¸à¸¹à¸à¸£à¸²à¸à¸«à¸¸à¹à¸à¹à¸¥à¸°à¸à¹à¸à¸¡à¸¹à¸¥à¸à¸²à¸£à¹à¸à¸´à¸à¸«à¸¥à¸²à¸¢à¸«à¸à¹à¸²à¸à¸à¹à¸à¸«à¹à¸à¸à¸à¸·à¹à¸à¸à¸²à¸¢à¸à¸µà¹à¸à¸¶à¸à¸à¸±à¸]()
source: Adobe Stock
การเทรดหมายถึงกระบวนการซื้อและขายสินทรัพย์ทางการเงินโดยนักลงทุนในตลาดการเงินต่าง ๆ รวมถึงการเทรดผ่านระบบออนไลน์ สินทรัพย์เหล่านี้ประกอบด้วย หลักทรัพย์ เช่น หุ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทุนของบริษัท, ตราสารหนี้, สกุลเงิน, และ สินค้าโภคภัณฑ์ นอกจากนี้ ยังมีสินทรัพย์บางประเภทที่ถูกซื้อขายในรูปแบบของ ตราสารอนุพันธ์ (Derivatives) เช่น
- สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures Contracts)
- ออปชัน (Options)
- สัญญาซื้อขายส่วนต่าง (CFDs - Contracts for Difference)
รวมถึง ผลิตภัณฑ์โครงสร้าง (Structured Products) ที่ออกแบบขึ้นเพื่อตอบโจทย์กลยุทธ์การลงทุนเฉพาะทาง
การเทรดยังเป็นหนึ่งในหลักสูตรสำคัญของโรงเรียนธุรกิจ ซึ่งมุ่งเน้นการเรียนรู้เกี่ยวกับ การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) การบริหารความเสี่ยง (Risk Management) การดำเนินงานในตลาด (Market Operations) และการป้องกันอาชญากรรมทางการเงิน (Financial Crime Prevention)
ในทางปฏิบัติ การเทรดสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทและสไตล์ ตั้งแต่
- การเทรดด้วยเงินทุนของบริษัท (Proprietary Trading),
- การเทรดระหว่างวัน (Day Trading),
- ไปจนถึง การลงทุนระยะยาว (Position Trading)
ปัจจุบัน นักลงทุนสามารถเข้าถึงตลาดการเงินได้สะดวกยิ่งขึ้นผ่าน แพลตฟอร์มการเทรดออนไลน์ เพื่อเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ทางการเงินในรูปแบบต่าง ๆ
คำศัพท์พื้นฐานในการเทรด
![à¸à¸²à¸¢à¸à¸à¸«à¸à¸¶à¹à¸à¸à¸³à¸¥à¸±à¸à¸à¹à¸²à¸à¸«à¸à¸±à¸à¸ªà¸·à¸à¹à¸à¸¥à¹à¸«à¸à¹à¸²à¸à¹à¸²à¸ สืà¹à¸à¸à¸¶à¸à¸à¸²à¸£à¹à¸£à¸µà¸¢à¸à¸£à¸¹à¹à¸à¹à¸²à¸à¸à¸²à¸£à¹à¸à¸´à¸à¹à¸¥à¸°à¸à¸²à¸£à¸¥à¸à¸à¸¸à¸]()
Source: Adobe Stock
การเข้าใจคำศัพท์การเทรดเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการนำทางตลาดการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ ด้านล่างนี้คือ 20 คำศัพท์สำคัญที่สุดที่เทรดเดอร์ทุกคนควรรู้ พร้อมคำอธิบายสั้นๆ เพื่อการเรียนรู้ที่รวดเร็ว
1. Bid และ Ask
- ราคาเสนอซื้อ (Bid) คือ ราคาสูงสุดที่ผู้ซื้อยินดีจ่ายสำหรับสินทรัพย์
- ราคาเสนอขาย (Ask) คือ ราคาต่ำสุดที่ผู้ขายยินดีรับ
2. Spread
ส่วนต่างระหว่างราคาเสนอซื้อและราคาเสนอขาย (Ask) แสดงถึงต้นทุนการเทรด โดยสเปรดมักจะแคบกว่าในตลาดที่มีสภาพคล่องสูง
3. Leverage (เลเวอเรจ)
เครื่องมือที่ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถควบคุมสถานะที่มีขนาดใหญ่กว่าด้วยเงินทุนที่น้อยกว่า เลเวอเรจสามารถเพิ่มทั้งผลกำไรและขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น
4. Margin (มาร์จิ้น)
เงินหลักประกันที่จำเป็นสำหรับการเปิดสถานะที่ใช้เลเวอเรจ ช่วยให้เทรดเดอร์มีเงินทุนเพียงพอเพื่อรองรับการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น
5. Long Position (สถานะ Long)
การซื้อสินทรัพย์โดยคาดว่าราคาจะปรับตัวสูงขึ้น เป็นกลยุทธ์การเทรดที่นิยมในตลาดขาขึ้น
6. Short Position (สถานะ Short)
การขายสินทรัพย์ที่ยังไม่ได้เป็นเจ้าของ โดยคาดว่าจะซื้อคืนในราคาที่ต่ำกว่า เป็นกลยุทธ์ที่มักใช้ในตลาดขาลง
7. คำสั่ง Stop-Loss
- คำสั่งปิดการเทรดโดยอัตโนมัติเมื่อราคาถึงระดับที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
- ใช้เพื่อจำกัดการขาดทุนและบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ
8. คำสั่ง Take-Profit
- คำสั่งล็อกกำไรโดยปิดการเทรดเมื่อราคาถึงระดับเป้าหมาย
- ช่วยให้มั่นใจว่าผลกำไรได้รับการบันทึกในระดับราคาที่ต้องการ
9. Pips (พิป)
- หน่วยการเคลื่อนไหวของราคาที่เล็กที่สุดในการเทรด Forex ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงของราคาและผลกำไร/ขาดทุนจากการเทรด
- การเคลื่อนไหวของราคาที่เล็กที่สุดในตลาดฟอเร็กซ์ โดยทั่วไปเท่ากับ 0.0001 สำหรับคู่สกุลเงินหลัก
10. ขนาดล็อต (Lot Size)
- ปริมาณของสินทรัพย์ที่ใช้ในการเทรดแต่ละครั้ง
- ในตลาด Forex ล็อตมาตรฐานคือ 100,000 หน่วยของสกุลเงิน
11. ตลาดกระทิง (Bull Market)
สภาวะตลาดที่ราคาสินทรัพย์ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง พร้อมความเชื่อมั่นที่แข็งแกร่งจากนักลงทุน
12. ตลาดหมี (Bear Market)
สภาวะตลาดที่ราคาสินทรัพย์ลดลงอย่างต่อเนื่อง มักเกิดขึ้นพร้อมภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและมุมมองเชิงลบ
13. แนวรับและแนวต้าน (Support & Resistance)
- แนวรับคือระดับราคาที่สินทรัพย์มีแนวโน้มจะหยุดลดลง
- แนวต้านคือระดับราคาที่สินทรัพย์มีแนวโน้มจะหยุดปรับขึ้น
14. ความผันผวน
- วัดความแปรปรวนของราคาสินทรัพย์
- ความผันผวนสูงหมายถึงการเคลื่อนไหวของราคาที่รวดเร็วและรุนแรง ขณะที่ความผันผวนต่ำบ่งบอกถึงความเสถียรของราคา
15. สภาพคล่อง (Liquidity)
- ระดับความง่ายในการซื้อหรือขายสินทรัพย์โดยไม่ส่งผลต่อราคา
- ตลาดที่มีสภาพคล่องสูง เช่น ฟอเร็กซ์ มักมีสเปรดแคบและการดำเนินคำสั่งรวดเร็ว
16. อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk/Reward Ratio)
- อัตราส่วนที่เปรียบเทียบระหว่างความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับผลตอบแทนที่คาดหวัง
- อัตราส่วนที่ดีมักอยู่ที่ 1:2 หรือมากกว่า
17. การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis)
การศึกษากราฟราคา รูปแบบ และตัวชี้วัดทางเทคนิคเพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวของตลาดในอนาคต
18. การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis)
- การประเมินมูลค่าที่แท้จริงของสินทรัพย์จากข้อมูลเศรษฐกิจ งบการเงิน และข่าวสารต่าง ๆ
- มักใช้ในกลยุทธ์การลงทุนระยะยาว
19. โบรกเกอร์ (Broker)
- ตัวกลางที่อำนวยความสะดวกในการเทรดระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย
- ให้บริการแพลตฟอร์มและเครื่องมือสำหรับการเทรด
20. การกระจายความเสี่ยง (Diversification)
การลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภทเพื่อลดความเสี่ยงรวมของพอร์ตการลงทุน
21. มาร์จิ้น (Margin Requirement)
จำนวนเงินที่โบรกเกอร์ต้องการเพื่อเปิดและรักษาสถานะที่ใช้เลเวอเรจ
22. การเรียกมาร์จิ้น (Margin Call)
การแจ้งจากโบรกเกอร์ให้เพิ่มเงินทุนเข้าบัญชี เมื่อมูลค่าสุทธิของบัญชีลดลงต่ำกว่าระดับที่กำหนด
23. ความเสี่ยงในการเทรด (Trading Risk)
ความเสี่ยงจากการขาดทุนอันเกิดจากความผันผวนของตลาดหรือปัจจัยอื่น ๆ
24. การวิเคราะห์ความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk/Reward Analysis)
การประเมินผลกำไรที่คาดหวังเทียบกับความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น เพื่อช่วยตัดสินใจในการเทรดอย่างมีเหตุผล
25. ล็อตเทรด (Trading Lot)
หน่วยมาตรฐานของสินทรัพย์ที่ใช้ในการเทรด เช่น 100,000 หน่วยในตลาด Forex สำหรับล็อตมาตรฐาน
คำศัพท์สำคัญในการเทรด (ต่อไป)
1. CFD (สัญญาซื้อขายส่วนต่าง)
ตราสารอนุพันธ์ที่มีความเสี่ยงและใช้เลเวอเรจ ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาได้โดยไม่จำเป็นต้องถือครองสินทรัพย์อ้างอิงจริง
2. Rollover (โรลโอเวอร์)
กระบวนการขยายสถานะการเทรดไปยังวันทำการถัดไป ซึ่งมักจะมีการคิดค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม (Rollover Fee)
3. ปริมาณการเทรด (Trading Volume)
จำนวนหุ้น สัญญา หรือหน่วยทั้งหมดที่ถูกซื้อขายในตลาดภายในช่วงเวลาที่กำหนด ปริมาณที่สูงบ่งชี้ถึงกิจกรรมทางตลาดที่เข้มข้น
4. ช่องว่างขาขึ้น / ขาลง (Price Gap)
ช่องว่างของราคาที่ปรากฏบนกราฟ ซึ่งอาจเป็นช่องว่างราคาขึ้น (ขาขึ้น) หรือช่องว่างราคาลง (ขาลง) แสดงถึงโมเมนตัมที่แข็งแกร่งของตลาดในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง
5. แนวโน้มตลาด (Market Trends)
- แนวโน้มระยะสั้น: กินเวลาตั้งแต่ไม่กี่วันถึงไม่กี่สัปดาห์
- แนวโน้มระยะกลาง: กินเวลาตั้งแต่หลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน
- แนวโน้มระยะยาว: กินเวลานานหลายเดือนถึงหลายปี สะท้อนแนวโน้มพื้นฐานของตลาด
6. อัตราส่วนดอกเบี้ยระยะสั้น (Short Interest Ratio)
อัตราส่วนของจำนวนหุ้นที่ถูกขายชอร์ตเมื่อเทียบกับปริมาณการเทรดเฉลี่ยต่อวัน มักใช้เป็นตัวบ่งชี้แนวโน้มขาลงของตลาด
7. ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)
การวัดความผันผวนของราคาทางสถิติที่แสดงให้เห็นว่าราคาเคลื่อนที่ออกจากค่าเฉลี่ยมากน้อยเพียงใด ยิ่งค่าเบี่ยงเบนสูง ความผันผวนก็ยิ่งมาก
8. ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average)
ตัวชี้วัดแนวโน้มที่คำนวณจากราคาย้อนหลังในช่วงเวลาที่กำหนด ใช้เพื่อระบุแนวโน้มหลักของตลาดและจุดกลับตัวที่อาจเกิดขึ้น
9. เส้น Fibonacci Retracements
เส้นแนวนอนที่ใช้ระบุระดับแนวรับหรือแนวต้านที่อาจเกิดขึ้น โดยอ้างอิงจากอัตราส่วนทางคณิตศาสตร์ของ Fibonacci เช่น 38.2%, 50%, และ 61.8%
10. การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis)
การศึกษารูปแบบราคาและตัวบ่งชี้ทางเทคนิคเพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวของตลาดในอนาคต เทรดเดอร์มืออาชีพใช้กราฟและเครื่องมือ เช่น RSI, MACD, หรือเส้นค่าเฉลี่ย เพื่อระบุแนวโน้ม จุดเข้าออก และระดับแนวรับแนวต้านที่สำคัญ
11. คำสั่งซื้อขายตามราคาตลาด (Market Order)
คำสั่งให้ซื้อหรือขายสินทรัพย์ในราคาตลาดปัจจุบัน คำสั่งนี้จะถูกดำเนินการทันทีในราคาที่มีอยู่ขณะนั้น แม้ไม่สามารถควบคุมราคาที่แน่นอนได้ แต่รับประกันการดำเนินการของคำสั่ง
12. คำสั่งจำกัด (Limit Order)
คำสั่งให้ซื้อหรือขายสินทรัพย์ในราคาที่กำหนดหรือดีกว่า ให้การควบคุมราคาที่แน่นอนยิ่งขึ้น แต่ไม่รับประกันว่าจะถูกดำเนินการ หากราคาตลาดไม่ถึงระดับที่กำหนดไว้
13. การเทรดรายวัน (Day Trading)
กลยุทธ์การเทรดที่ดำเนินธุรกรรมภายในวันเดียว เทรดเดอร์จะซื้อและขายสินทรัพย์ในวันเดียวกันเพื่อเก็งกำไรจากความผันผวนระยะสั้น และปิดสถานะทั้งหมดก่อนสิ้นวันเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงข้ามคืน
14. สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures Contract)
ข้อตกลงในการซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิงในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ณ วันส่งมอบในอนาคต มักใช้เพื่อการป้องกันความเสี่ยง (Hedging) หรือเก็งกำไรจากความเคลื่อนไหวของราคา เช่น สินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนีตลาดหุ้น หรือสกุลเงิน
อนุพันธ์ สินทรัพย์อ้างอิง และแนวคิดสำคัญอื่น ๆ
1. อนุพันธ์ (Derivatives)
ตราสารทางการเงินที่มีมูลค่าอ้างอิงจากสินทรัพย์พื้นฐาน เช่น หุ้น พันธบัตร หรือสินค้าโภคภัณฑ์
ตัวอย่างทั่วไป ได้แก่ ออปชัน (Options) และฟิวเจอร์ส (Futures) ที่ใช้เพื่อการป้องกันความเสี่ยงหรือเก็งกำไร
2. สินทรัพย์อ้างอิง (Underlying Asset)
สินทรัพย์ทางการเงินที่เป็นพื้นฐานของตราสารอนุพันธ์ เช่น ในน้ำมันล่วงหน้า “น้ำมัน” คือสินทรัพย์อ้างอิง
3. เลเวอเรจ (Leverage)
กลไกที่ช่วยให้เทรดเดอร์ควบคุมสถานะที่ใหญ่กว่าด้วยเงินทุนเพียงเล็กน้อย แม้ช่วยเพิ่มโอกาสทำกำไร แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุนเช่นกัน
4. การป้องกันความเสี่ยง (Hedging)
กลยุทธ์ที่ใช้เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา โดยการเปิดสถานะตรงข้ามกับสินทรัพย์ที่ถืออยู่ เช่น การซื้อออปชันขายเพื่อป้องกันการลดลงของราคาหุ้น
5. กำไร (Capital Gain)
ผลต่างที่เกิดจากการขายสินทรัพย์ในราคาที่สูงกว่าราคาซื้อ หรือจากการปิดสถานะขายชอร์ตในราคาที่ต่ำกว่าราคาขายเริ่มต้น
1. ดัชนีตลาดหุ้น (Stock Index)
ตัวชี้วัดผลการดำเนินงานของกลุ่มหุ้นในตลาด ตัวอย่างเช่น S&P 500, Dow Jones, Nasdaq 100, FTSE 100, DAX และดัชนีฮั่งเส็ง
2. ตราสารทางการเงิน (Financial Instruments)
สัญญาที่แสดงถึงสินทรัพย์ทางการเงิน ซึ่งรวมถึง หุ้น พันธบัตร ตราสารอนุพันธ์ และสกุลเงิน
3. ระดับแนวรับและแนวต้าน (Support & Resistance Levels)
- แนวรับ: ระดับราคาที่มักเกิดแรงซื้อเพิ่มขึ้น ช่วยป้องกันไม่ให้ราคาลดลงต่อ
- แนวต้าน: ระดับราคาที่มีแรงขายมาก ทำให้ราคายากจะทะลุขึ้นไปได้
4. ออสซิลเลเตอร์และตัวบ่งชี้ทางเทคนิค (Oscillators & Indicators)
เครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาและแนวโน้มในอนาคต เช่น
- RSI (Relative Strength Index)
- MACD (Moving Average Convergence Divergence)
- Bollinger Bands
สรุป
การเข้าใจคำศัพท์การลงทุนเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการลงทุนอย่างมั่นใจในตลาดการเงิน ตั้งแต่คำศัพท์พื้นฐานอย่าง “Bid และ Ask” ไปจนถึงแนวคิดขั้นสูงอย่าง “Leverage” และ “Risk/Reward Ratio” การเข้าใจคำเหล่านี้ช่วยให้นักลงทุนสามารถนำทางตลาดได้อย่างชำนาญ สื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ และตัดสินใจลงทุนอย่างรอบคอบ ซึ่งถือเป็นความเข้าใจลึกซึ้งในโลกการลงทุน
คู่มือนี้ให้คำอธิบายชัดเจนและกระชับเกี่ยวกับคำศัพท์สำคัญ ทำให้เหมาะสำหรับทั้งผู้เริ่มต้นและนักลงทุนที่มีประสบการณ์ การสร้างความเข้าใจในภาษาและคำศัพท์การลงทุนจะช่วยให้คุณเข้าถึงตลาดด้วยความมั่นใจและชัดเจน เปลี่ยนความรู้เป็นการปฏิบัติได้ทันที อย่างไรก็ตาม ต้องตระหนักว่าตลาดมีความเสี่ยงสูงและความผันผวน การลงทุนอาจทำให้ได้กำไรหรือขาดทุนมาก
การเข้าใจภาษาและคำศัพท์การลงทุนไม่ใช่แค่ทักษะเท่านั้น แต่เป็นกุญแจสำคัญในการประสบความสำเร็จในโลกการเงิน
เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้นและใช้สำหรับการศึกษาเท่านั้น ความคิดเห็น การวิเคราะห์ ราคา หรือเนื้อหาอื่น ๆ ในเอกสารนี้ ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้คำแนะนำในการลงทุน หรือเพื่อให้ความเข้าใจด้านกฎหมายของประเทศ Belize
ผลประกอบการในอดีตไม่ได้เป็นการรับประกันถึงผลประกอบการในอนาคต การกระทำหรือการตัดสินใจใด ๆ ตามข้อมูลในเอกสารนี้ เป็นความเสี่ยงของผู้ดำเนินการเอง XTB ไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อความสูญเสีย ความเสียหาย หรือผลกำไรหรือขาดทุนใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อมจากการใช้ข้อมูลในเอกสารนี้ ทุกการตัดสินใจลงทุนควรพิจารณาอย่างรอบคอบ และเป็นความรับผิดชอบของท่านเอง
![ภาà¸à¸à¸µà¹à¹à¸ªà¸à¸à¸à¸³à¸§à¹à¸² 'FAQ' à¹à¸à¸£à¸¹à¸à¹à¸à¸à¸à¹à¸³à¹ à¹à¸à¸¢à¹à¸à¹à¸à¸à¸µà¹à¸à¸³à¸à¸²à¸¡à¸à¸µà¹à¸à¸à¸à¹à¸à¸¢]()