อยากรู้ไหมว่าการลงทุนของคุณสามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องได้อย่างไร? นั่นคือโลกแห่งเงินปันผล ลองจินตนาการว่าคุณจะได้รับเงินปันผลเป็นประจำเพียงแค่ถือหุ้นในบริษัทหนึ่ง นี่คือความมหัศจรรย์ของเงินปันผล แต่แม้ความมหัศจรรย์นี้ก็มีความเสี่ยงซ่อนอยู่ ในคู่มือนี้ เราจะพาคุณไขความลับเบื้องหลังเงินปันผล อธิบายว่ามันทำงานอย่างไร และทำไมมันจึงเป็นองค์ประกอบสำคัญของกลยุทธ์การลงทุนที่ประสบความสำเร็จ
ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนที่มีประสบการณ์หรือเพิ่งเริ่มต้น ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนมือเก๋าหรือเพิ่งเริ่มต้น การเข้าใจเงินปันผลจะช่วยให้คุณสามารถสร้างพอร์ตที่มั่นคงและมีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนอย่างต่อเนื่อง ลองจินตนาว่าพอร์ตของคุณไม่เพียงแค่เติบโตตามกาลเวลา แต่ยังส่งรายได้กลับมาให้คุณ แม้ในช่วงเศรษฐกิจผันผวน นี่ฟังดูเหมือนในฝัน แต่มีบริษัทหลายแห่งที่จ่ายเงินปันผลมานานกว่าสองทศวรรษ ลองคิดดูว่าคุณจะทำให้เงินของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้อย่างไร
ประเด็นสำคัญ
- เงินปันผลคือส่วนแบ่งรายได้ของบริษัทที่จ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้น
- ประเภทของเงินปันผล: อาจอยู่ในรูปแบบเงินสด หุ้นเพิ่ม หรือสินทรัพย์อื่น ๆ
- ความสำคัญ: เงินปันผลช่วยให้นักลงทุนมีรายได้สม่ำเสมอ และเป็นสัญญาณถึงสภาพคล่องและสุขภาพทางการเงินของบริษัท
- อัตราผลตอบแทนเงินปันผล (Dividend Yield): ตัวชี้วัดรายได้จากเงินปันผลต่อปี เทียบกับราคาหุ้น ใช้ประเมินความน่าสนใจของหุ้นปันผล
- การลงทุนในหุ้นปันผล: กลยุทธ์ที่เน้นการถือครองหุ้นที่มีการจ่ายปันผลสูงและสม่ำเสมอ
เงินปันผลคืออะไร และมีหลักการทำงานอย่างไร?
เหรียญทองวางเรียงซ้อนกันกองๆ มีความเงาวาวสะท้อนแสง แสดงให้เห็นถึงความแวววาวของโลหะ
เงินปันผลคือการจ่ายเงินจากบริษัทให้แก่ผู้ถือหุ้น โดยส่วนใหญ่เป็นการแบ่งกำไรของบริษัท เมื่อบริษัทมีกำไร สามารถนำกำไรนั้นไปลงทุนต่อในธุรกิจ ชำระหนี้ หรือนำไปจ่ายให้ผู้ถือหุ้นในรูปแบบเงินปันผลได้
เงินปันผลมักจะจ่ายเป็นรายไตรมาส แต่ก็อาจจ่ายเป็นรายเดือน รายปี หรือไม่แน่นอนในบางครั้ง เงินปันผลอาจมาในรูปแบบเงินสด หุ้นเพิ่ม หรือสินทรัพย์อื่น ๆ
เงินปันผลมีประเภทไหนบ้าง?
- เงินปันผลประเภทเงินสด (Cash Dividends): รูปแบบที่พบบ่อยที่สุด โดยผู้ถือหุ้นจะได้รับเงินสดเป็นเงินปันผล
- เงินปันผลประเภทหุ้น (Stock Dividends): การแจกจ่ายหุ้นเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นแทนเงินสด
- เงินปันผลพิเศษ (Special Dividends): การจ่ายเงินปันผลครั้งเดียวที่เกิดขึ้นจากผลประกอบการที่โดดเด่นหรือเหตุการณ์พิเศษของบริษัท
- เงินปันผลประเภททรัพย์สิน (Property Dividends): รูปแบบที่พบได้ไม่บ่อย บริษัทอาจแจกจ่ายทรัพย์สินอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เงินสดหรือหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้น
หลักการทำงานของเงินปันผล?
เพื่อให้ได้รับเงินปันผล นักลงทุนต้องถือหุ้นของบริษัทที่ประกาศจ่ายปันผล เมื่อมีการประกาศ บริษัทจะกำหนดวันขึ้นทะเบียนผู้ถือหุ้น (Record Date) เพื่อระบุรายชื่อผู้มีสิทธิ์รับปันผล นักลงทุนที่ซื้อและถือหุ้นก่อนวันปิดตลาดในวันขึ้นเครื่องหมายปันผล (Ex-Dividend Date) ซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่ก่อนวันขึ้นทะเบียนประมาณสองวันทำการ จะมีสิทธิ์ได้รับปันผลนั้น จากนั้นในวันจ่ายปันผล (Payment Date) บริษัทจะโอนเงินสดเข้าบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของผู้ถือหุ้น หรืออาจจัดสรรหุ้นเพิ่มแทนการจ่ายเป็นเงินสด
ผลตอบแทนรวม (ROI%) ของ US500 และหุ้น Dividend Aristocrats ตั้งแต่เดือน ม.ค 2016
ตั้งแต่ปี 2016 ถึง 2024 หุ้นที่จ่ายเงินปันผล (กองทุน iShares US Dividend Aristocrats ETF) ตกต่ำกว่าดัชนี S&P 500 ที่มา: XTB Research, Bloomberg Finance L.P.
การลงทุนในหุ้นปันผล
การลงทุนในหุ้นปันผลเป็นกลยุทธ์ที่เน้นการซื้อหุ้น (หรือกองทุน ETF) ที่จ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ วิธีนี้ช่วยสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เกษียณอายุหรือผู้ที่ต้องการรายได้แบบพาสซีฟ
สิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาในการลงทุนหุ้นปันผล ได้แก่
- ประวัติการจ่ายเงินปันผล: บริษัทที่มีประวัติการจ่ายและเพิ่มเงินปันผลอย่างต่อเนื่อง
- อัตราผลตอบแทนเงินปันผล (Dividend Yield): ควรเลือกหุ้นที่ให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจแต่ยังคงความยั่งยืนได้
- อัตราการจ่ายเงินปันผล (Payout Ratio): สัดส่วนของกำไรที่จ่ายเป็นเงินปันผล โดยอัตราที่ต่ำกว่ามักบ่งชี้ถึงโอกาสในการเติบโตของเงินปันผลในอนาคต
- สุขภาพทางการเงิน: บริษัทที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่งและกระแสเงินสดสม่ำเสมอ
อัตราผลตอบแทนเงินปันผล (Dividend Yield)
อัตราผลตอบแทนเงินปันผลคืออัตราส่วนทางการเงินที่แสดงว่าบริษัทจ่ายเงินปันผลเป็นจำนวนเท่าใดต่อปีเทียบกับราคาหุ้น โดยคำนวณจากการนำเงินปันผลต่อหุ้นรายปี หารด้วยราคาหุ้นต่อหุ้น อัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าบ่งบอกถึงโอกาสได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงขึ้น
ประโยชน์ของการลงทุนในหุ้นปันผล
- สร้างรายได้: รับรายได้อย่างสม่ำเสมอจากเงินปันผล
- การทบต้นของผลตอบแทน: การนำเงินปันผลกลับมาลงทุนใหม่ช่วยให้ผลตอบแทนเติบโตแบบทบต้นในระยะยาว
- ความผันผวนต่ำกว่า: หุ้นที่จ่ายเงินปันผลมักมีความผันผวนน้อยกว่าหุ้นทั่วไป
- ผลตอบแทนรวม: ได้รับผลตอบแทนรวมจากทั้งกำไรจากราคาหุ้นและเงินปันผล
5 ความเสี่ยงที่นักลงทุนหุ้นปันผลควรรู้
แม้ว่าการลงทุนในหุ้นปันผลจะถือเป็นกลยุทธ์ที่มีความมั่นคงและเน้นป้องกันความเสี่ยงมากกว่าหุ้นเติบโต แต่ก็ไม่ได้ปราศจากความเสี่ยงอย่างสิ้นเชิง
1. การลดหรือระงับเงินปันผล
- ความเสี่ยง: บริษัทอาจลดหรือหยุดจ่ายเงินปันผลเนื่องจากปัญหาทางการเงิน ภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรือการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ธุรกิจ
- ผลกระทบ: การลดเงินปันผลส่งผลกระทบต่อรายได้ที่คาดหวังอย่างมาก และเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงปัญหาภายในบริษัท ซึ่งอาจทำให้มูลค่าหุ้นลดลงตามไปด้วย
2. ราคาหุ้นปรับลดลง
- ความเสี่ยง: ราคาหุ้นของบริษัทที่จ่ายเงินปันผลสามารถลดลงได้ แม้ว่านโยบายเงินปันผลจะมั่นคงก็ตาม สาเหตุอาจมาจากการเติบโตของธุรกิจหลักที่ต่ำกว่าคาด หรือมุมมองการขยายธุรกิจที่จำกัด
- ผลกระทบ: แม้แต่นโยบายการจ่ายเงินปันผลแบบ “อริสโตแครต” ก็อาจไม่เพียงพอที่จะทำให้หุ้นของบริษัทมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในมุมมองของนักลงทุน เงินปันผลอาจเป็นปัจจัยที่สำคัญกว่าในกรณีของบริษัทแนว "Value" มากกว่าบริษัทแนว "Growth" ซึ่งมุ่งเน้นการใช้เงินทุนไปกับการลงทุน แทนที่จะจ่ายคืนให้แก่ผู้ถือหุ้น
3. ความเสี่ยงอัตราดอกเบี้ย
- ความเสี่ยง: อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นอาจทำให้หุ้นที่จ่ายเงินปันผลดูน่าสนใจน้อยกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ เช่น พันธบัตร
- ผลกระทบ: นักลงทุนอาจย้ายเงินลงทุนออกจากหุ้นปันผล ทำให้ราคาหุ้นลดลงและความต้องการลดลงตามไปด้วย
4. ความเสี่ยงจากตลาด
- ความเสี่ยง: หุ้นที่จ่ายเงินปันผลยังคงได้รับผลกระทบจากความผันผวนของตลาดโดยรวมและวัฏจักรเศรษฐกิจ
- ผลกระทบ: ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ตลาดหุ้นตก หรือภาวะถดถอยในอุตสาหกรรมเฉพาะ อาจทำให้มูลค่าหุ้นลดลงอย่างมาก ทั้งในแง่ราคาหุ้นและรายได้ (เนื่องจากกำไรลดลง)
5. ความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ
- ความเสี่ยง: เงินเฟ้อสามารถลดทอนอำนาจซื้อของเงินปันผล โดยเฉพาะหากเงินปันผลไม่เพิ่มขึ้นในอัตราที่สอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อ
- ผลกระทบ: นักลงทุนที่พึ่งพารายได้จากเงินปันผลอาจพบว่าผลตอบแทนที่ได้รับไม่สามารถตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ ส่งผลให้มูลค่าที่แท้จริงของรายได้ลดลงตามเวลา
หุ้น Dividend Aristocrats คืออะไร?
มงกุฎทองคำวางอยู่บนกองเหรียญที่แวววาว เป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งและราชวงศ์
หุ้น Dividend Aristocrats คือกลุ่มบริษัทที่อยู่ในดัชนี S&P 500 ซึ่งไม่เพียงแต่จ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอเท่านั้น แต่ยังเพิ่มเงินปันผลอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อย 25 ปีติดต่อกัน ประวัติการจ่ายเงินปันผลที่มั่นคงและเติบโตนี้ทำให้หุ้นกลุ่มนี้เป็นที่นิยมในกลุ่มนักลงทุนที่ต้องการรายได้ที่น่าเชื่อถือและการเติบโตในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม ไม่มีการรับประกันว่าบริษัทใดจะสามารถรักษาการเติบโตหรือการจ่ายเงินปันผลนี้ได้ในระยะยาว แต่ประวัติการจ่ายเงินปันผลที่ยาวนานมักเป็นสัญญาณว่าบริษัทมีความมุ่งมั่นในกลยุทธ์นี้และตั้งใจจะรักษามาตรฐานดังกล่าวต่อไป
- ความสม่ำเสมอ: บริษัทที่ได้รับการจัดเป็น Dividend Aristocrats แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการสร้างรายได้อย่างมั่นคงและคืนกำไรให้ผู้ถือหุ้น แม้ในช่วงที่เศรษฐกิจถดถอย
- สุขภาพทางการเงิน: บริษัทเหล่านี้มักมีงบดุลที่แข็งแกร่ง กระแสเงินสดที่มั่นคง และการบริหารจัดการที่มีวินัย ซึ่งช่วยให้สามารถรักษาและเพิ่มเงินปันผลได้อย่างต่อเนื่อง
- เงินปันผลที่คาดเดาได้: Dividend Aristocrats มอบกระแสรายได้ที่น่าเชื่อถือให้กับนักลงทุน ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เกษียณอายุหรือผู้ที่ต้องการรายได้แบบพาสซีฟ
- ป้องกันเงินเฟ้อ: การเพิ่มเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอช่วยปกป้องอำนาจซื้อของเงินลงทุน โดยสามารถเติบโตตามหรือมากกว่าอัตราเงินเฟ้อ
- มูลค่าหุ้นที่เพิ่มขึ้น (Capital Appreciation): นอกจากรายได้จากเงินปันผลแล้ว หุ้น Dividend Aristocrats มักมีแนวโน้มราคาหุ้นเพิ่มขึ้น ทำให้นักลงทุนได้รับประโยชน์สองทาง ทั้งรายได้ปันผลและกำไรจากราคาหุ้น อย่างไรก็ตาม ไม่มีการรับประกันว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นเสมอ เพราะบางครั้งบริษัทอาจจ่ายเงินปันผลที่น่าสนใจ แต่ราคาหุ้นกลับลดลงได้พร้อมกัน
- การเติบโตแบบทบต้น (Compounding Growth): การนำเงินปันผลกลับมาลงทุนใหม่ช่วยเพิ่มผลตอบแทนแบบทบต้นในระยะยาว ทำให้การเติบโตของพอร์ตการลงทุนแข็งแกร่งขึ้น ในทางกลับกัน นักลงทุนบางคนมองว่าการลงทุนในหุ้นปันผลมีความเสี่ยงน้อยกว่าการลงทุนในหุ้นเติบโต ซึ่งโดยทั่วไปรายได้ของบริษัทเติบโตจะถูกนำไปลงทุนต่อเนื่องในธุรกิจ
- คุณสมบัติเชิงป้องกัน (Defensive Qualities): หุ้น Dividend Aristocrats มักมีความผันผวนน้อยกว่าหุ้นที่ไม่จ่ายเงินปันผล เนื่องจากการจ่ายเงินปันผลที่มั่นคงดึงดูดนักลงทุนระยะยาวและช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาด
- ความแข็งแกร่งต่อภาวะตลาด (Market Resilience): บริษัทกลุ่มนี้มักอยู่ในอุตสาหกรรมที่ไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากวัฏจักรเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มพลังงาน น้ำมันและก๊าซ สินค้าอุปโภคบริโภค สาธารณสุข และสาธารณูปโภค แต่ในทางกลับกัน กลุ่มอุตสาหกรรมเหล่านี้อาจไม่ใช่กลุ่มที่มีนวัตกรรมหรือ disruption สูงเหมือนกลุ่มเทคโนโลยี
ตัวอย่างเช่น Johnson & Johnson ถือเป็นหนึ่งในหุ้น Dividend Aristocrats ที่มีความนิยมจากนักลงทุนหลายคน โดยบริษัทได้เพิ่มการจ่ายเงินปันผลอย่างต่อเนื่องมานานกว่า 50 ปี สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการสร้างมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้น การลงทุนในบริษัทที่จ่ายปันผล หมายถึงการได้รับประโยชน์จากผลประกอบการที่มั่นคง การเติบโตของปันผลอย่างสม่ำเสมอ และตำแหน่งทางการตลาดที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม การลงทุนในหุ้น Dividend Aristocrats ไม่ได้หมายความว่าไม่มีความเสี่ยง ราคาหุ้นยังคงเป็นปัจจัยสำคัญ และแม้เงินปันผลจะเติบโตต่อเนื่อง ก็อาจไม่เพียงพอที่จะปกป้องนักลงทุนจากความผันผวนเชิงลบได้อย่างสมบูรณ์
นักลงทุนยังสามารถลงทุนในหุ้นปันผลชั้นนำ (Dividend Aristocrats) ได้ผ่านกองทุน ETF ที่เน้นการจ่ายปันผลของ S&P Global ไม่ว่าจะเป็นบริษัทในระดับโลก สหรัฐฯ หรือแม้แต่ยุโรป โดยผ่านกองทุน ETF เช่น GLDV.UK (Global Dividend Aristocrats ETF UCITS), SPYD.DE (Euro Dividend Aristocrats ETF UCITS) หรือ UDVD.UK (US Dividend Aristocrats ETF UCITS)
วิธีเริ่มต้นการลงทุนกับหุ้น Dividend Aristocrats
- ศึกษาข้อมูลบริษัทที่อยู่ในรายชื่อ Dividend Aristocrats ตรวจสอบสุขภาพการเงิน ประวัติการจ่ายเงินปันผล และแนวโน้มการเติบโตของบริษัทเหล่านั้น
- กระจายการลงทุนไปในหุ้น Dividend Aristocrats หลาย ๆ บริษัท เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มความมั่นคงของกระแสรายได้
- ใช้ประโยชน์จากการเติบโตแบบทบต้นโดยการนำเงินปันผลที่ได้รับไปซื้อหุ้น Dividend Aristocrats เพิ่มเติม
ตัวอย่างหุ้น Dividend Aristocrats: Johnson & Johnson, T. Rowe Price, Exxon Mobil, IBM, Medtronic, Abbvie, Kimberly-Clark, Archer-Daniels-Midland, PepsiCo, Target, 3M, Hormel Foods, Franklin Resources, Danone, Allianz, Deutsche Post, Sanofi
วันสำคัญที่เกี่ยวข้องกับเงินปันผล
ปฏิทินติดผนังที่มีหมุดสีสันสดใสระบุวันและเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ตลอดทั้งเดือน
วัน Ex-Dividend คืออะไร?
วัน Ex-Dividend (หรือที่เรียกว่าวัน Ex-date) คือวันที่สำคัญในกระบวนการจ่ายเงินปันผล เป็นวันที่หุ้นเริ่มซื้อขายโดยไม่มีมูลค่าของเงินปันผลรอบถัดไปอยู่ในราคาหุ้น กล่าวคือ หากคุณซื้อหุ้นในวัน Ex-Dividend หรือหลังจากนั้น คุณจะไม่มีสิทธิได้รับเงินปันผลในงวดที่จะถึง แต่ถ้าคุณซื้อหุ้นก่อนวัน Ex-Dividend คุณจะมีสิทธิได้รับเงินปันผลนั้น
4 วันสำคัญในการลงทุนหุ้นปันผล
- วันประกาศ (Declaration Date) วันที่คณะกรรมการบริษัทประกาศว่าจะจ่ายเงินปันผล พร้อมระบุจำนวนและกำหนดวันสำคัญต่าง ๆ
- วันบันทึกผู้ถือหุ้น (Record Date) วันที่บริษัทใช้ตรวจสอบรายชื่อผู้ถือหุ้นที่จะได้รับเงินปันผล
- วันขึ้นเครื่องหมายปันผล (Ex-Dividend Date) โดยทั่วไปจะอยู่ก่อน Record Date 1 วันทำการ เป็นวันที่ใช้ตัดสิทธิ์การรับปันผล
- วันจ่ายปันผล (Payment Date) วันที่บริษัทจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิ์
ความหมายของวัน Ex-Dividend ต่อการลงทุน
- ซื้อก่อนวัน Ex-Dividend จะได้รับสิทธิ์รับปันผลรอบนั้น ความต้องการซื้อหุ้นมักเพิ่มขึ้นก่อนวันดังกล่าว ทำให้ราคาหุ้นอาจขยับขึ้น
- ซื้อในหรือหลังวัน Ex-Dividend จะไม่ได้รับปันผลรอบนั้น ความต้องการซื้อหุ้นมักลดลง และราคาหุ้นอาจปรับตัวลง
1. การปรับราคาหุ้น
ในวัน Ex-Dividend ราคาหุ้นมักจะปรับลดลงโดยประมาณเท่ากับจำนวนเงินปันผลที่ประกาศจ่าย เพื่อสะท้อนการที่บริษัทจ่ายผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นเดิม ตัวอย่างเช่น หากบริษัทจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 1 ดอลลาร์ ราคาหุ้นในวัน Ex-date อาจลดลงประมาณ 1 ดอลลาร์
2. กลยุทธ์การจับจังหวะรับปันผล (Dividend Capture Strategy)
นักลงทุนบางรายใช้กลยุทธ์ที่เรียกว่า “การจับจังหวะรับปันผล” โดยซื้อหุ้นก่อนวัน Ex-Dividend เพื่อรับเงินปันผล แล้วขายหุ้นไม่นานหลังจากนั้น กลยุทธ์นี้มุ่งหวังผลตอบแทนจากเงินปันผลโดยตรง แต่ก็มีความเสี่ยง เช่น ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม และความผันผวนของราคาหุ้นหลังวัน Ex-date
3. ประเด็นด้านภาษี
เงินปันผลต้องเสียภาษี โดยอัตราภาษีขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ระยะเวลาที่ถือครองหุ้น หากถือหุ้นในระยะเวลาที่กำหนดตามเกณฑ์ เงินปันผลอาจเข้าข่ายเป็น "เงินปันผลแบบได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี" (Qualified Dividend) ซึ่งเสียภาษีในอัตราต่ำกว่ารายได้ทั่วไป วัน Ex-date มีผลต่อระยะเวลาการถือหุ้นและผลทางภาษีที่ตามมา
4. มุมมองของตลาดและความเชื่อมั่นของนักลงทุน:
พฤติกรรมของราคาหุ้นรอบวัน Ex-Dividend อาจส่งผลต่อมุมมองของตลาด หากราคาหุ้นปรับลดลงมากหลังวัน Ex-date นักลงทุนอาจมองว่าเป็นการปรับราคาตามปกติ ในทางกลับกัน หากราคาหุ้นไม่ลดลงมากเท่าที่คาด อาจบ่งบอกถึงความต้องการของตลาดที่ยังคงแข็งแกร่งต่อหุ้นดังกล่าว
ตัวอย่าง: สมมติว่า Coca-Cola ประกาศจ่ายเงินปันผลรายไตรมาสหุ้นละ 0.50 ดอลลาร์ โดยมีวันสำคัญดังนี้:
- วันประกาศจ่ายปันผล (Declaration Date): 1 มิถุนายน
- วันปิดสมุดทะเบียน (Record Date): 15 มิถุนายน
- วันไม่ได้รับสิทธิปันผล (Ex-Dividend Date): 14 มิถุนายน
- วันจ่ายปันผล (Payment Date): 30 มิถุนายน
หากนักลงทุนซื้อหุ้น Coca-Cola ภายในวันที่ 13 มิถุนายน (ก่อนวัน Ex-Dividend) จะมีสิทธิได้รับเงินปันผล 0.50 ดอลลาร์ต่อหุ้น แต่ถ้าซื้อในวันที่ 14 มิถุนายน หรือหลังจากนั้น จะไม่ได้รับเงินปันผลรอบนี้
ในวันที่ 14 มิถุนายน ซึ่งเป็นวัน Ex-Dividend ราคาหุ้นมีแนวโน้มจะปรับลดลงประมาณ 0.50 ดอลลาร์ เพื่อสะท้อนการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นเดิม
เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้นและใช้สำหรับการศึกษาเท่านั้น ความคิดเห็น การวิเคราะห์ ราคา หรือเนื้อหาอื่น ๆ ในเอกสารนี้ ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้คำแนะนำในการลงทุน หรือเพื่อให้ความเข้าใจด้านกฎหมายของประเทศ Belize
ผลประกอบการในอดีตไม่ได้เป็นการรับประกันถึงผลประกอบการในอนาคต การกระทำหรือการตัดสินใจใด ๆ ตามข้อมูลในเอกสารนี้ เป็นความเสี่ยงของผู้ดำเนินการเอง XTB ไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อความสูญเสีย ความเสียหาย หรือผลกำไรหรือขาดทุนใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อมจากการใช้ข้อมูลในเอกสารนี้
ทุกการตัดสินใจลงทุนควรพิจารณาอย่างรอบคอบ และเป็นความรับผิดชอบของท่านเอง
![FAQ à¹à¸à¸´à¸à¸à¸±à¸à¸à¸¥à¸à¸·à¸à¸à¸°à¹à¸£]()