- ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงในวันนี้ เนื่องจากการประกาศเรียกเก็บภาษีรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ของทรัมป์ รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ ดัชนี S&P 500 ลดลง 0.1% Nasdaq 100 ปรับตัวลดลง 0.2% และ Dow Jones ปรับฐานลง 0.3% นอกจากนี้ S&P 500 กำลังมุ่งหน้าสู่ไตรมาสที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2023
- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งเรียกเก็บภาษี 25% สำหรับรถยนต์และรถบรรทุกขนาดเล็กที่ผลิตในต่างประเทศ ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน ทำให้ราคาหุ้นของ General Motors, Stellantis และ Ford ปรับตัวลดลง นอกจากนี้ ทรัมป์ยังขู่จะลงโทษที่รุนแรงขึ้นต่อสหภาพยุโรปและแคนาดา หากทั้งสองฝ่ายร่วมมือกันต่อต้านสหรัฐฯ โดยภาษีใหม่จะครอบคลุมถึงชิ้นส่วนรถยนต์ด้วย แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีรายงานว่าอาจเรียกเก็บภาษีเฉพาะกับรถยนต์สำเร็จรูปเท่านั้น
- Tesla เป็นหนึ่งในหุ้นไม่กี่ตัวที่ยังคงปรับตัวขึ้น โดยราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 2% เนื่องจากบริษัทยังคงเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่มีฐานการผลิตในสหรัฐฯ เป็นหลัก อย่างไรก็ตาม อีลอน มัสก์ ซีอีโอของ Tesla เตือนว่าบริษัทไม่ได้ "รอดพ้นจากผลกระทบ" เนื่องจากชิ้นส่วนที่นำเข้ายังคงต้องเสียภาษี เขายังกล่าวว่าผลกระทบด้านต้นทุน "ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย"
- การเติบโตของ GDP สหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 4 ถูกปรับขึ้นเป็น 2.4% ต่อปี จากประมาณการก่อนหน้าที่ 2.3% แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ แม้ว่าจะชะลอตัวลงจากอัตรา 3.1% ในไตรมาสที่ 3 นอกจากนี้ ตัวชี้วัดเงินเฟ้อที่สำคัญในรายงานก็ถูกปรับลดลง
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้น 2 จุดพื้นฐาน สู่ระดับ 4.37% ในขณะที่การประมูลพันธบัตรอายุ 7 ปี มูลค่า 44 พันล้านดอลลาร์ ไม่ได้รับความสนใจมากนัก ตลาดตราสารหนี้ส่งสัญญาณกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของภาษีที่อาจก่อให้เกิดเงินเฟ้อ โดยพันธบัตรระยะสั้นมีผลการดำเนินงานดีกว่าพันธบัตรระยะยาว
- ข้อมูลการขายบ้านในสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยยอดขายบ้านในเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้น 2% เทียบกับที่คาดการณ์ไว้ที่ 1%
- รายงานผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ โดยมีจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการ 224,000 ราย ใกล้เคียงกับที่คาดการณ์ไว้ที่ 225,000 ราย
- ฟิวเจอร์สทองคำแตะระดับสูงสุดเป็นครั้งที่ 17 ของปีนี้ โดยเพิ่มขึ้น 1.2% สู่ระดับ 3,056 ดอลลาร์/ออนซ์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า ธนาคาร Bank of America ปรับเป้าหมายราคาทองคำขึ้นเป็น 3,500 ดอลลาร์ จากเดิม 3,000 ดอลลาร์ ขณะที่นักวิเคราะห์จาก JPMorgan คาดการณ์ว่าราคาทองคำอาจพุ่งแตะ 4,000 ดอลลาร์
- หุ้นของ Advanced Micro Devices (AMD) ลดลงมากกว่า 3% หลังจาก Jefferies ปรับลดอันดับหุ้นจาก "ซื้อ" เป็น "ถือ" โดยให้เหตุผลว่าความสามารถด้านเทคโนโลยีของ AMD อาจไม่สามารถแข่งขันกับ Nvidia ได้
- GameStop ประกาศแผนขายหุ้นกู้แปลงสภาพมูลค่า 1.3 พันล้านดอลลาร์ เพื่อใช้ในการซื้อ Bitcoin หลังจากคณะกรรมการอนุมัติให้เพิ่ม Bitcoin เป็นสินทรัพย์สำรองของบริษัท
- ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลง 0.2% ในวันนี้ ขณะที่เงินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.4% ขยายผลกำไรตั้งแต่ต้นปีเป็นมากกว่า 4% ธนาคาร Bank of America ระบุว่า "การใช้นโยบายสนับสนุนการเติบโตของสหรัฐฯ อย่างเลือกปฏิบัติ ส่งผลให้ปัจจัยบวกต่อการเติบโตของค่าเงินยูโรถูกประเมินต่ำเกินไป"
- CoreWeave ผู้ให้บริการคลาวด์ด้าน AI และพันธมิตรของ Nvidia กำลังเผชิญปัญหากับการเสนอขายหุ้น IPO โดยต้องปรับลดราคาเสนอขายหุ้นเหลือ 40 ดอลลาร์ จากช่วงราคาเดิมที่ 47-55 ดอลลาร์ Nvidia สนับสนุน IPO นี้ด้วยคำสั่งซื้อมูลค่า 250 ล้านดอลลาร์
- กองทุนเฮดจ์ฟันด์กำลังเพิ่มสถานะชอร์ตหุ้น โดยหุ้นที่ถูกชอร์ตมากที่สุดสามอันดับแรก ได้แก่ Nvidia, AMD และ Tesla ตามรายงานของ Morgan Stanley ทั้งนี้ วันพุธเป็นวันที่กองทุนเฮดจ์ฟันด์ขายหุ้นรายตัวมากที่สุดเป็นอันดับสามของปีนี้ โดยเฉพาะในภาคเทคโนโลยี
- หุ้นของ Novo Nordisk ลดลง 25% ในเดือนมีนาคม นับเป็นการลดลงรายเดือนที่รุนแรงที่สุดตั้งแต่ปี 2002 นักลงทุนกังวลว่าผู้นำตลาดยาลดน้ำหนักอาจสูญเสียความสามารถในการแข่งขันให้กับคู่แข่งจากสหรัฐฯ อย่าง Eli Lilly ซึ่งยอดสั่งจ่ายยา Zepbound แซงหน้าการขาย Wegovy แล้ว
- รายงานคลังเก็บก๊าซธรรมชาติของ EIA ระบุว่าปริมาณสำรองเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยเพิ่มขึ้น 37 พันล้านลูกบาศก์ฟุต เทียบกับที่คาดการณ์ไว้ที่ 25 พันล้านลูกบาศก์ฟุต คลังสำรองเริ่มเพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของเดือนมีนาคม ซึ่งสวนทางกับแนวโน้มในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ฟิวเจอร์สก๊าซธรรมชาติกำลังพยายามฝ่ากระแสขาลง โดยเพิ่มขึ้นมากกว่า 2% ในวันนี้
- ราคาน้ำมันยังคงทรงตัว โดยน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวใกล้ระดับ 73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล นักวิเคราะห์จาก Citigroup แนะนำให้ "ป้องกันความเสี่ยงจากภาวะขาลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป" และคาดการณ์ว่าช่วงการซื้อขายจะลดลงไปอยู่ที่ 60-75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลภายในปี 2025 ขณะที่ฟิวเจอร์สน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้น 0.3% ซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
- ตลาดคริปโตเคอเรนซียังไม่มีโมเมนตัมขาขึ้นที่แข็งแกร่งในวันนี้ โดย Bitcoin ยังคงเคลื่อนไหวที่ประมาณ 86,800 ดอลลาร์ ขณะที่ Ethereum ซื้อขายอยู่ใกล้ระดับ 2,000 ดอลลาร์ต่อเหรียญ
หน้านี้มีการใช้คุกกี้ คุกกี้คือไฟล์ที่จัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณและเว็บไซต์ส่วนใหญ่ ใช้เพื่อช่วยปรับประสบการณ์การใช้งานเว็บของคุณให้เป็นส่วนตัว สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา คุณสามารถจัดการคุกกี้ได้โดยคลิก "การตั้งค่า" หากคุณยอมรับการใช้คุกกี้ของเรา ให้คลิก "ยอมรับทั้งหมด"
