08:21 · 10 ตุลาคม 2025

หุ้นแอมะซอนพยายามฟื้นตัว 📈 “Prime Big Deal Day” ครั้งนี้ จะเผยศักยภาพของ AI ได้หรือไม่?

ประเด็นหลัก
Amazon
หุ้น
AMZN.US, Amazon.com Inc
-
-
ประเด็นหลัก
  • รายได้หลักของ Amazon มาจาก อีคอมเมิร์ซและโฆษณา ทำให้บริษัทอ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภค

  • หุ้นของ Amazon ในช่วงหลัง ทำผลงานแย่กว่าสมาชิกกลุ่ม “Magnificent Seven” รายอื่น เนื่องจากนักลงทุนมองว่าธุรกิจ “ดั้งเดิม” ของบริษัทเป็นจุดอ่อนเมื่อเทียบกับกระแส AI

  • หน่วยธุรกิจ Amazon Web Services (AWS) ที่มีกำไรสูง ยังคงเติบโตประมาณ 20% ต่อปี และยังเป็นผู้นำด้านบริการ AI ระดับโครงสร้างพื้นฐาน

  • อย่างไรก็ตาม อัตราการเติบโตของ AWS ยังช้ากว่าคู่แข่งอย่าง Google Cloud และ Azure อีกทั้งอัตรากำไรลดลงเพราะการลงทุนจำนวนมากในศูนย์ข้อมูล AI และระบบโลจิสติกส์

  • ในไตรมาส 2 ธุรกิจในอเมริกาเหนือเติบโตช้ากว่าภูมิภาคอื่น ๆ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐฯ สะท้อน ตลาดแรงงานที่เริ่มชะลอตัว

  • ราคาหุ้นของ Amazon อาจ อ่อนไหวต่อข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแรง แต่ในทางกลับกัน การคาดการณ์ลดดอกเบี้ยของ Fed อาจช่วยหนุนผลกระทบนี้

  • ตั้งแต่การเทขายหุ้นในเดือนเมษายน 2025 หุ้น Amazon เพิ่มขึ้น 35% เทียบกับ S&P 500 ที่เพิ่มขึ้น 26.5% แต่ผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันยังอ่อนแอ (+3% เทียบกับเกือบ +15% ของ S&P 500)

  • ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา หุ้น Amazon ปรับขึ้น 41% ในขณะที่ S&P 500 เพิ่มขึ้นถึง 95%

  • บริษัทจะประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ในวันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม 2025 ซึ่งการลดดอกเบี้ยของ Fed ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอาจช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภคในสหรัฐฯ และส่งผลบวกต่อธุรกิจของ Amazon

หุ้น Amazon ฟื้นตัวรับ “Prime Big Deal Day” – การทดสอบครั้งใหญ่ของกลยุทธ์ AI

หุ้นของ Amazon ปรับตัวขึ้นกว่า 1.5% ในวันแรกของงาน Prime Big Deal Day เมื่อเทียบกับ Nasdaq 100 ที่เพิ่มขึ้น 1.1% และ S&P 500 ที่เพิ่มขึ้น 0.5% สะท้อนความเชื่อมั่นที่เริ่มกลับมาว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซอาจฟื้นตัวได้ดีในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วงสำคัญของฤดูกาลจับจ่ายปลายปี

แม้ตลอดปีนี้ราคาหุ้น Amazon จะเพิ่มขึ้นเพียง ไม่ถึง 3% เทียบกับ S&P 500 ที่เพิ่มขึ้น 15% และ Nasdaq 100 ที่เพิ่มขึ้นเกือบ 20% แต่ตลาดเริ่มตั้งคำถามว่า—Amazon กำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนหรือไม่? และ การลงทุนอย่างหนักใน AI จะเริ่มเห็นผลลัพธ์เชิงบวกในรูปแบบของยอดขายและรายได้โฆษณาที่สูงขึ้นหรือเปล่า?


🔍 ช่วงเวลาแห่งการเติบโต – และการทดสอบครั้งสำคัญ

Amazon กำลังลงทุนอย่างมากใน ปัญญาประดิษฐ์ (AI) พร้อมสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับ Anthropic นักลงทุนในตอนนี้ต้องการเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนของการลงทุนเหล่านี้ต่อธุรกิจหลัก กิจกรรมอย่าง Prime Big Deal Day, Black Friday และเทศกาลช้อปปิ้งปลายปี จะเป็นการทดสอบจริงว่าระบบ AI ของ Amazon สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการขายและการตลาดได้เทียบเท่าบริษัทอย่าง Meta Platforms หรือไม่

เราจะทราบคำตอบที่แท้จริงในต้นปี 2026 แต่แรงหนุนจากช่วง “Santa Rally” และไตรมาส 4 ที่โดยทั่วไปมักเป็นช่วงแข็งแกร่งของตลาดหุ้นสหรัฐฯ อาจช่วยกระตุ้นความสนใจในธุรกิจอีคอมเมิร์ซและโฆษณาของ Amazon ได้ในไตรมาสนี้

แรงหนุนดังกล่าวยังอาจช่วยชดเชยความกังวลเรื่อง กำไรของ AWS ได้ โดยเฉพาะหาก Fed เดินหน้าลดดอกเบี้ย ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อของผู้บริโภคในสหรัฐฯ อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้ที่ Amazon จะได้รับอานิสงส์จากนโยบายจ่ายเงินสดครั้งเดียวให้ประชาชน (~2,000 ดอลลาร์ต่อคน) ที่ Donald Trump เพิ่งกล่าวถึงอีกด้วย


📊 ผลประกอบการไตรมาส 2 ของ Amazon

Amazon รายงานผลประกอบการที่เหนือความคาดหมาย

  • EPS: 1.68 ดอลลาร์ (คาด 1.33 ดอลลาร์)

  • รายได้รวม: 167.7 พันล้านดอลลาร์ (คาด 162.09 พันล้านดอลลาร์)

  • การเติบโตของยอดขาย: +13% YoY (เทียบกับ +10% ในปีที่แล้ว)

รายละเอียดรายเซ็กเตอร์:

  • AWS: 30.87 พันล้านดอลลาร์ (+18% YoY) สูงกว่าคาดเล็กน้อย

  • Advertising: 15.69 พันล้านดอลลาร์ (+23% YoY) สูงกว่าคาดมาก — เป็นแหล่งรายได้มาร์จิ้นสูงที่หนุนโครงสร้างกำไรของบริษัท

  • Online Stores: 61.5 พันล้านดอลลาร์ (+11% YoY) แสดงถึงการฟื้นตัวของธุรกิจค้าปลีกหลัก

  • Seller Services: 40.3 พันล้านดอลลาร์ (+11% YoY) สะท้อนความแข็งแกร่งของระบบนิเวศ Marketplace

กล่าวโดยสรุป — Amazon ไม่เพียงแต่ทำผลงานเหนือคาด แต่ยังเติบโตได้ดีในกลุ่มธุรกิจที่มีกำไรสูง


⚠️ แนวโน้มระมัดระวัง

แม้ผลประกอบการออกมาดี แต่ราคาหุ้นกลับปรับลดลง เนื่องจากคำแนะนำกำไรจากการดำเนินงาน (Operating Income) สำหรับไตรมาสปัจจุบันอยู่ที่ 15.5–20.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ราว 19.48 พันล้านดอลลาร์

ในขณะเดียวกัน Amazon มีแผน ลงทุนสูงสุดถึง 100 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025 สำหรับศูนย์ข้อมูลและซอฟต์แวร์ด้าน AI ซึ่งแม้จะมีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ แต่ก็เพิ่มแรงกดดันด้านมาร์จิ้นในระยะสั้น

CEO Andy Jassy ย้ำว่า AWS ยังคงมีความได้เปรียบทางการแข่งขันที่ “ชัดเจนมาก” และเทคโนโลยี AI กำลังช่วยเพิ่มประสบการณ์ลูกค้า ความเร็วในการนวัตกรรม และประสิทธิภาพในการดำเนินงาน


⚔️ การแข่งขันรุนแรงขึ้น

แม้ AWS จะยังคงเป็นผู้นำตลาดโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ แต่คู่แข่งอย่าง Microsoft Azure (+39% YoY) และ Google Cloud (+32% YoY) กำลังเติบโตเร็วกว่าชัดเจน ซึ่งสะท้อนถึงแรงกดดันทางการแข่งขันในรอบการลงทุนด้าน AI

ในด้านโฆษณา ภาพรวมยังคงสดใส โดยเติบโต +23% YoY สู่ 15.69 พันล้านดอลลาร์ ทำให้ Amazon กลายเป็น แพลตฟอร์มโฆษณาดิจิทัลใหญ่อันดับ 3 ของโลก รองจาก Meta และ Google และเติบโตเร็วกว่าธุรกิจค้าปลีกหลัก


🧭 เสาหลักสองด้านของการเติบโตในระยะถัดไป

  1. Cloud (AWS): ต้องรักษาความเป็นผู้นำและเร่งสร้างรายได้จาก AI เพื่อผลักดันอัตรากำไร

  2. Advertising: ยังคงเป็นตัวหนุนมาร์จิ้นหลักในช่วงที่บริษัทลงทุนสูง

หากแนวโน้มเริ่มแสดงสัญญาณของ มาร์จิ้น AWS ที่ทรงตัว และ รายได้โฆษณาเติบโตต่อเนื่องในระดับเลขสองหลัก เรื่องราวของ Amazon ในตลาดหุ้นอาจพลิกเป็นเชิงบวกได้อย่างรวดเร็ว


🚀 ปัจจัยกระตุ้นหลัก (Key Catalysts)

  • เศรษฐกิจสหรัฐฯ “ลงจอดแบบนุ่มนวล” และการใช้จ่ายผู้บริโภคฟื้นตัว

  • การลงทุน AI เริ่มแปลงเป็นยอดขายและกำไรที่แท้จริง

  • Prime Big Deal Day, Black Friday, และ เทศกาลปลายปี เป็นช่วงชี้วัดว่าระบบ AI ของ Amazon สามารถเพิ่มยอดขายและมาร์จิ้นได้จริงหรือไม่

  • ตัวชี้วัดที่แข็งแกร่งจากงาน Prime Big Deal Day อาจช่วยลดความกังวลเรื่องการแข่งขัน ทั้งในตลาดสหรัฐฯ และจากแพลตฟอร์มจีนอย่าง Temu และ Alibaba

แม้ดัชนีขนส่งสินค้าของสหรัฐฯ (Cass Freight Index) จะชะลอตัวลงใกล้ระดับต่ำสุดตั้งแต่ปี 2020 แต่ Amazon ยังคงรักษาความแข็งแกร่งไว้ได้ — สะท้อนความยืดหยุ่นของบริษัทเหนือวัฏจักรโลจิสติกส์โดยรวม

ที่มา: Cass

หากผลประกอบการในรอบถัดไปแสดงให้เห็นว่า อัตรากำไรในธุรกิจค้าปลีกออนไลน์และโฆษณาดีขึ้น ความเชื่อมั่นของนักลงทุนอาจกลับมาได้อย่างรวดเร็ว — และในกรณีนั้น ราคาหุ้น Amazon อาจปรับขึ้นแตะระดับประมาณ 245 ดอลลาร์ภายในปีนี้

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากตัวชี้วัดมูลค่าพื้นฐาน (Valuation Metrics) หุ้น Amazon ยังคงมีราคาที่ค่อนข้างแพง

  • P/E ปัจจุบัน: ประมาณ 33

  • Forward P/E: ประมาณ 29
    ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของ S&P 500 ถึงเกือบ 20% ขณะที่มูลค่าตลาด (Market Cap) อยู่ที่ราว 2.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

ถึงแม้ระดับมูลค่าจะสูง แต่ด้วยแรงหนุนจาก การผสานระหว่างเทคโนโลยี AI และปัจจัยเศรษฐกิจมหภาค (Macro Trends) Amazon ยังมีโอกาสพิสูจน์ตัวเองว่าเป็น “ธุรกิจเติบโต (Growth Business)” ที่คู่ควรกับความสนใจจากนักลงทุน — แม้ว่าช่วงหลังจะถูกมองข้ามไปบ้างเมื่อเทียบกับบริษัทในกลุ่ม Magnificent 7

ที่มา: XTB Research, Bloomberg Finance LP

🔹 กราฟหุ้น Amazon

บนกราฟรายวัน (Daily Chart) ราคาหุ้น Amazon กำลังพยายาม ทะลุเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน (EMA50 – เส้นสีส้ม) เพื่อรักษาแนวโน้มขาขึ้นไว้ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ราคาหุ้นได้เคลื่อนไหวในกรอบแคบบริเวณจุดสูงสุดเดิมที่ 210–240 ดอลลาร์ ขณะที่ค่า RSI อยู่ที่ระดับ 50 สะท้อนว่าตลาดยังมีพื้นที่ให้ราคาขยับแรงได้ทั้งสองทิศทาง

หากผลประกอบการไตรมาส 2 ยังคงแข็งแกร่ง และ Fed เดินหน้าลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง มีโอกาสที่ราคาหุ้นจะปรับขึ้นแตะระดับ สูงสุดตลอดกาลใกล้ 245 ดอลลาร์ ได้ภายในไตรมาสนี้

ในทางกลับกัน หากเกิดแรงขายหรือปัจจัยลบ แนวรับสำคัญแรกจะอยู่ที่บริเวณ 215 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งสอดคล้องกับเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน (EMA200 – เส้นสีแดง)

ความเสี่ยงที่ต้องจับตา คือ กระแสความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่อาจกลับมารุนแรงขึ้น และกดดันหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในระยะสั้น

Source: xStation5


 
10 ตุลาคม 2025, 08:36

Delta Airlines: หุ้นพุ่งแรงหลังรายงานผลประกอบการ ✈️

10 ตุลาคม 2025, 08:31

หุ้นแห่งสัปดาห์ – Super Micro Computer

10 ตุลาคม 2025, 08:24

US OPEN: PepsiCo และ Delta Air Lines ประกาศผลประกอบการ ขณะที่ดัชนี S&P 500 ยังคงทรงตัวใกล้ระดับสูงสุด ↔️

10 ตุลาคม 2025, 08:17

Ferrari ทำให้นักลงทุนผิดหวัง หุ้นร่วงกว่า 16%

เข้าสู่ตลาดพร้อมลูกค้าของ XTB Group กว่า 1 700 000 ราย

ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เราให้บริการมีความเสี่ยง เศษหุ้น (Fractional Shares) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ให้บริการจาก XTB แสดงถึงการเป็นเจ้าของหุ้นบางส่วนหรือ ETF เศษหุ้นไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ทางการเงินอิสระ สิทธิของผู้ถือหุ้นอาจถูกจำกัด
ความสูญเสียสามารถเกินกว่าเงินที่ฝาก