การเปิดตัว โมเดลปัญญาประดิษฐ์รุ่นล่าสุดของ Google — Gemini 3 ได้รับการตอบรับเชิงบวกอย่างมากจากตลาด สะท้อนผ่านการปรับขึ้นของราคาหุ้น Alphabet ในวันที่เปิดตัว โมเดลนี้โดดเด่นด้วยความสามารถในการให้คำตอบที่ซับซ้อนและแม่นยำมากขึ้น โดยใช้จำนวนคำถามจากผู้ใช้น้อยลง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการโต้ตอบกับระบบ AI อย่างชัดเจน
Gemini 3 ยังสามารถขยายสเกลได้สูง และผสานเข้ากับบริการของ Google โดยตรง รวมถึง Search ทำให้มีศักยภาพในการเข้าถึงผู้ใช้หลายร้อยล้านคนต่อเดือน การกระจายตัวที่กว้างเช่นนี้ช่วยให้ Alphabet ได้เปรียบในด้าน การเก็บข้อมูลและการปรับแต่งโมเดล AI ขณะเดียวกัน การปล่อยฟีเจอร์ใหม่อย่างรวดเร็วในระบบนิเวศของบริษัทช่วยเสริมความสามารถในการแข่งขันของ Alphabet ในอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า Gemini 3 อาจได้รับการเทรนบนโปรเซสเซอร์ TPU ของ Google โดยเฉพาะ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากแนวปฏิบัติทั่วไปของอุตสาหกรรมที่พึ่งพา GPU ของ Nvidia การใช้ชิปที่บริษัทพัฒนาเองช่วยให้ Alphabet มีความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ ทั้งในด้าน การควบคุมต้นทุน ความพร้อมของฮาร์ดแวร์ และความเป็นอิสระจากซัพพลายเออร์ภายนอก แนวทางนี้ยังช่วยให้ใช้โครงสร้างพื้นฐานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดต้นทุนการเทรนและอินเฟอเรนซ์ และทำให้ไทม์ไลน์การพัฒนาโมเดลมีความคาดการณ์ได้มากขึ้น การบูรณาการฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และกระบวนการเทรนทั้งหมดสะท้อนให้เห็นว่าบริษัทกำลังสร้างระบบคอมพิวติ้งแบบพึ่งพาตนเอง ซึ่งอาจเปลี่ยนโฉมการแข่งขันในอุตสาหกรรมได้
ตามความเห็นของนักวิเคราะห์ ระบบนิเวศของ Alphabet ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ ฮาร์ดแวร์เฉพาะทาง โครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ ไปจนถึงการเชื่อมต่อกับผลิตภัณฑ์ทั้งฝั่งผู้บริโภคและองค์กร ทำให้บริษัทมีความได้เปรียบทางเทคโนโลยีอย่างชัดเจน และสามารถผลักดันการสร้างรายได้จากเทคโนโลยี AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ Gemini 3 ถือเป็นองค์ประกอบเชิงกลยุทธ์ที่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ Alphabet ในตลาดปัญญาประดิษฐ์ และอาจลดช่องว่างกับคู่แข่งได้
อย่างไรก็ตาม อุปสรรคก็ยังคงมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็น ต้นทุนการลงทุนด้าน AI ที่เพิ่มสูงขึ้น ความเสี่ยงฟองสบู่เชิงเก็งกำไร และแรงกดดันด้านกฎระเบียบ ซึ่งล้วนส่งผลต่อความเร็วในการพัฒนาต่อเนื่องของอุตสาหกรรม นอกจากนี้ การแข่งขันในด้านโมเดลภาษาขนาดใหญ่และ AI แบบมัลติโหมดยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทางตลาดต่อไป

โดยสรุปแล้ว Gemini 3 ได้เสริมความแข็งแกร่งให้ Alphabet อย่างชัดเจนในฐานะผู้เล่นสำคัญของอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์ ขณะที่ความสามารถในการเทรนโมเดลบนโปรเซสเซอร์ TPU ที่บริษัทพัฒนาเองก็ช่วยเพิ่มความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ในด้านต้นทุน เทคโนโลยี และการดำเนินงาน อย่างไรก็ตาม ยังไม่อาจกล่าวได้อย่างชัดเจนว่า Alphabet ได้ “ครองชัยชนะสมบูรณ์” ในศึก AI แล้ว ความสำเร็จทางเทคโนโลยีและเชิงธุรกิจในตอนนี้เป็นพื้นฐานที่แข็งแรงสำหรับการเติบโตต่อไป แต่อนาคตยังเต็มไปด้วยความเสี่ยงและความท้าทายที่อาจกำหนดตำแหน่งสุดท้ายของบริษัทในตลาด
นอกจากนี้ ผลตอบแทนหุ้นของ Alphabet ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันยัง “เหนือกว่า” คู่แข่งอย่าง Microsoft และ Amazon รวมถึงดัชนีสำคัญอย่าง S&P 500 และ Nasdaq 100 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้นต่อจุดยืนเชิงกลยุทธ์ของบริษัทในด้านปัญญาประดิษฐ์
หุ้นเทคโนโลยีนำการฟื้นตัวของวอลล์สตรีท ดอลลาร์ทรงตัวแม้ Fed ส่งสัญญาณผ่อนคลาย
🍫 ราคาสัญญาช็อกโกแลตฟื้นตัว 1% หลังร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 21 เดือน
📈 US100 พุ่ง 2.1%
Omnicom และ Interpublic จับมือควบรวมกิจการ — ดีลนี้เพียงพอที่จะไล่ทัน Big Tech หรือไม่?