- สัญญาฟิวเจอร์สของดัชนีหุ้นหลักสหรัฐฯ เริ่มต้นสัปดาห์สุดท้ายของปี 2025 ในทิศทางทรงตัว โดยแกว่งตัวผันผวนในกรอบแคบประมาณ ±0.15% ท่ามกลางสภาพคล่องที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ในสัปดาห์ที่มีวันหยุดยาว ดัชนี US100, US500 และ US30 ปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 1.1% ได้แรงหนุนจากปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “Santa Claus Rally” อย่างไรก็ตาม ด้วยปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง ความผันผวนของตลาดอาจยังถูกจำกัด จนกว่าจะมีการเผยแพร่รายงานการประชุม FOMC ครั้งล่าสุด ซึ่งมีกำหนดในวันพรุ่งนี้ เวลา 20:00 น. (CET)
- การหารือระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ที่รัฐฟลอริดา ยังไม่สามารถสร้างความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรมต่อประเด็นสงครามในยูเครนได้ ทรัมป์ระบุว่าข้อตกลงใกล้จะบรรลุแล้ว แต่ข้อขัดแย้งสำคัญเกี่ยวกับการยอมสละดินแดนและโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริซเซียยังคงไม่ได้ข้อสรุป ขณะที่ผู้นำยูเครนย้ำว่า แม้กรอบข้อตกลงสันติภาพจะเห็นพ้องกันแล้วราว 90% แต่ประเด็นที่ค้างอยู่จะเป็นตัวชี้ขาดว่าสงครามจะยุติลงหรือยืดเยื้อต่อไป
- นักลงทุนในภูมิภาคเอเชีย–แปซิฟิกเริ่มต้นสัปดาห์ด้วยบรรยากาศการลงทุนที่ผสมผสาน โดยยังคงกังวลต่อแนวโน้มการเติบโตที่ซบเซาในจีนและญี่ปุ่น (HK.cash: -0.5%, JP225: -0.35%, CHN.cash: -0.05%) การปรับตัวลงของตลาดจีนได้รับแรงพยุงบางส่วนจากหุ้นเทคโนโลยีที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ ขณะที่ตลาดญี่ปุ่นได้แรงหนุนจากความหวังเกี่ยวกับการปรับนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในทางกลับกัน ตลาดที่เน้นหุ้นด้านปัญญาประดิษฐ์และเซมิคอนดักเตอร์เป็นผู้นำการปรับขึ้น โดยเกาหลีใต้ (KOSPI: +1.9%) และไต้หวัน (TWI: +0.9%)
- รายงานการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่นสะท้อนว่า กรรมการบางส่วนสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจและหลีกเลี่ยงการล่าช้าต่อวัฏจักรนโยบาย อย่างไรก็ตาม อัตราดอกเบี้ยที่เป็นกลาง (Neutral Rate) ยังคงประเมินได้ยาก และนโยบายการเงินในปัจจุบันยังอยู่ต่ำกว่าระดับดังกล่าว กรรมการยังชี้ถึงอิทธิพลของการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยในต่างประเทศ อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงซึ่งยังติดลบอย่างมากแม้อยู่ที่ระดับ 0.75% รวมถึงความจำเป็นในการติดตามภาวะเศรษฐกิจและตลาดอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ยังเน้นบทบาทของมาตรการการคลัง ความเป็นไปได้ของการเติบโตของค่าจ้างที่แท้จริงในปีหน้า และความจำเป็นในการเฝ้าระวัง ท่ามกลางระดับการลงทุนและผลกำไรของภาคธุรกิจที่ทำสถิติสูงสุด
- ในตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ความเคลื่อนไหวหลักคือการฟื้นตัวของเงินเยน อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นต่อสัญญาณเชิงเข้มงวดจาก BOJ ยังมีจำกัด ส่งผลให้นักลงทุนยังระมัดระวังต่อการสื่อสารของธนาคารกลาง (USDJPY: -0.1%, EURJPY: -0.2%, GBPJPY: -0.15%) ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUDUSD) ปรับขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือนชั่วคราว ขณะที่ดอลลาร์นิวซีแลนด์อ่อนค่ามากที่สุดในกลุ่มสกุลเงิน G10 (NZDUSD: -0.15%) ท่ามกลางการฟื้นตัวของดอลลาร์สหรัฐโดยรวม (USDIDX: +0.1%) ด้าน EURUSD ทรงตัวใกล้ระดับ 1.175 ขณะที่ EURPLN เคลื่อนไหวทรงตัวบริเวณ 4.21
- โลหะมีค่ากำลังเผชิญแรงปรับฐานรุนแรงเป็นประวัติการณ์ จากแรงขายทำกำไรของนักลงทุน โดยแพลเลเดียมร่วงลงมากที่สุด (-11.6%) ลบล้างการปรับขึ้นทำสถิติในวันก่อนหน้าอย่างรวดเร็ว แพลทินัมปรับลง 5.3% เงินร่วง 3.3% สู่ระดับ 76 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และทองคำลดลง 1.1% มาอยู่ที่ประมาณ 4,480 ดอลลาร์ต่อออนซ์
- ราคาน้ำมันดิบ Brent และ WTI ฟื้นตัวราว 0.7% หลังจากการปรับฐานก่อนหน้า (ราคาน้ำมันอยู่แถว 60.80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล) ขณะที่ก๊าซธรรมชาติปรับลดลง 1% แม้จะเปิดตลาดในแดนบวก
- บิตคอยน์ปรับขึ้น 2.2% สู่ระดับ 89,850 ดอลลาร์ ขณะที่อีเธอเรียมเพิ่มขึ้น 2.8% มาอยู่ที่ 3,034 ดอลลาร์
3 ตลาดที่หน่าจับตาในสัปดาห์นี้
เซเลนสกีเตรียมพบทรัมป์วันอาทิตย์: ความหวังใหม่สู่ความก้าวหน้าหรือไม่?
ตลาดเด่นวันนี้: USDJPY
สรุปข่าวเช้า