- ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นในช่วงต้นก่อนจะร่วงลงภายหลัง จากสัญญาณที่หลากหลาย โดย US500 ปิดแทบไม่เปลี่ยนแปลง, US100 ลดลง 0.3%, และ US2000 เพิ่มขึ้น 0.2% โดยได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของ Nvidia และคำตัดสินของศาลรัฐบาลกลางที่ขัดกับนโยบายภาษีของทรัมป์ ซึ่งช่วยกลบข้อมูล GDP ไตรมาส 1 ที่อ่อนแอซึ่งแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจหดตัว 0.2%
- ศาลมีคำตัดสินยับยั้งนโยบายภาษีแบบตอบโต้ของทรัมป์ โดยศาลการค้าระหว่างประเทศชี้ว่าประธานาธิบดีใช้อำนาจเกินขอบเขตตามพระราชบัญญัติอำนาจเศรษฐกิจในภาวะฉุกเฉินระหว่างประเทศ (International Emergency Economic Powers Act) ทำให้เกิดกระแสไวรัลที่ชื่อว่า "TACO Trade (Trump Always Chickens Out)" ขึ้นมา ขณะที่นักลงทุนแห่เข้าซื้อหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากภาษีช่วงราคาย่อตัว
- หุ้น Nvidia พุ่งขึ้น 3.5% จากผลประกอบการ Q1 ที่ยอดเยี่ยมเกินความคาดหมาย แม้จะได้รับผลกระทบจากการควบคุมการส่งออกไปจีนถึง 8 พันล้านดอลลาร์ โดย CEO เจนเซน หวง (Jensen Huang) เน้นย้ำถึง 4 ปัจจัยบวกในฝั่ง AI รวมถึงการเติบโตแบบเอ็กซ์โปเนนเชียลของ AI ที่เกี่ยวข้องกับการให้เหตุผล และการยกเลิกข้อจำกัดในการแพร่กระจาย AI
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลลดลง จากความกังวลด้านการเติบโต โดย ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีลดลง 3 จุดพื้นฐาน มาอยู่ที่ 4.45% และพันธบัตรอายุ 2 ปีลดลงเหลือ 3.95% ขณะที่นักลงทุนเริ่ม คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ จากข้อมูล GDP ที่อ่อนแอและจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่เพิ่มขึ้น
- ราคาน้ำมันกลับทิศจากบวกเป็นลบ โดย WTI ลดลง 1.6% สู่ระดับ 60.86 ดอลลาร์ และ Brent ลดลง 1% สู่ 63.65 ดอลลาร์ หลังข้อมูลเศรษฐกิจที่หดตัวบดบังความหวังจากตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบ API ที่ลดลง 4.24 ล้านบาร์เรล และคำตัดสินด้านภาษีของศาล
- ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงทั่วกระดาน โดย Dollar Index ลดลง 0.3%, ขณะที่ ยูโรแข็งค่าขึ้น 0.5% สู่ระดับ 1.1350 ดอลลาร์ และ เยนแข็งค่าขึ้น 0.3% มาอยู่ที่ 144.41 เยนต่อดอลลาร์ สะท้อนถึงความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยที่ลดลงหลังจากคำตัดสินเรื่องภาษี
- กลยุทธ์ "TACO Trade" ได้รับความนิยมมากขึ้น โดยรายงานของ Sevens Report ชี้ว่า ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 2% หลังการเก็บภาษีเดือนมีนาคม, เพิ่มขึ้น 10% จากการย่อตัวในเดือนเมษายน ("Liberation Day"), และ เพิ่มขึ้น 11% หลังข่าวการเก็บภาษีกับจีน ยืนยันว่ากลยุทธ์ "ซื้อเมื่อหุ้นตกเพราะภาษีทรัมป์" ใช้ได้ผลจริง
- ผลประกอบการค้าปลีกผสมปนเป ให้ภาพผู้บริโภคไม่ชัดเจน โดย Kohl's มีกำไรเกินคาดและยังคงเป้าหมายไว้, Salesforce ปรับเพิ่มเป้าหมายจากความสำเร็จของ AI agent, ขณะที่ Best Buy และ HP ปรับลดแนวโน้มจากผลกระทบภาษีนำเข้าจากจีน
- ข้อมูลเศรษฐกิจแสดงให้เห็นถึงแรงกดดันจากภาษี โดย GDP Q1 หดตัว 0.2% (ดีกว่าประมาณการณ์เดิมที่ -0.3%) และ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 240,000 ราย ขณะที่ข้อมูล PMI ชี้ว่า การเติบโตใน Q2 อาจอยู่ที่เพียง 1% ต่อปี ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยปกติ
- เจ้าหน้าที่ Fed มีกำหนดการแถลงในวันนี้ ได้แก่ Barkin จาก Richmond, Goolsbee จาก Chicago และ Logan จาก Dallas โดยตลาดกำลัง คาดหวังว่าท่าทีของ Fed จะโน้มเอียงไปทางผ่อนคลาย ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากภาษี โดย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีลดลงถึงระดับต่ำสุดของวัน
- การเคลื่อนไหวของบริษัทเน้นที่พันธมิตรสายการบินและการชะลอตัวในสินค้าลักชัวรี โดย United และ JetBlue ประกาศความร่วมมือด้าน loyalty program และ LVMH เตือนถึงแนวโน้ม การใช้จ่ายของผู้บริโภคจีนที่ยังชะลอตัวต่อเนื่อง ขณะที่ Tesla ปรับตัวขึ้นหลังจาก Musk ยืนยันการลาออกจากบทบาทในฝ่ายบริหารของทรัมป์
- การวางตำแหน่งในตลาดยังคงระมัดระวัง แม้จะมีการรีบาวด์ของหุ้น โดย Goldman Sachs และ Morgan Stanley เตือนว่า คำตัดสินของศาลเกี่ยวกับภาษีอาจมีผลจำกัด เนื่องจากรัฐบาลยังมีอำนาจหลายช่องทางในการเรียกเก็บภาษีใหม่ ซึ่งยังคงทำให้ตลาดหุ้นเผชิญกับความไม่แน่นอน
หน้านี้มีการใช้คุกกี้ คุกกี้คือไฟล์ที่จัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณและเว็บไซต์ส่วนใหญ่ ใช้เพื่อช่วยปรับประสบการณ์การใช้งานเว็บของคุณให้เป็นส่วนตัว สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา คุณสามารถจัดการคุกกี้ได้โดยคลิก "การตั้งค่า" หากคุณยอมรับการใช้คุกกี้ของเรา ให้คลิก "ยอมรับทั้งหมด"