ผลประกอบการ Q2 FY2026 – “ผสมผสาน พร้อมมุ่งสู่อนาคต”
ภาพรวมตลาดหลังประกาศ:
-
รายได้รวม: $16.1 พันล้าน (+14% YoY) ต่ำกว่าที่ตลาดคาด $16.2 พันล้าน เล็กน้อย → หุ้นหลังตลาดร่วง >10%
-
Adjusted EPS: $2.26 สูงกว่าที่คาดการณ์ +40%
-
GAAP EPS: $2.10 รวมกำไรพิเศษจากการขายหุ้น Ampere $2.7 พันล้านก่อนภาษี
ประเด็นหลัก:
-
รายได้และ Cloud Growth
-
Cloud (IaaS + SaaS): $8.0B (+34% YoY) – แหล่งขับเคลื่อนการเติบโต
-
OCI: $4.1B (+66–68% YoY) – การลงทุน AI และ GPU infrastructure โตเร็ว มีศักยภาพรายได้สูงในอนาคต
-
SaaS: $3.9B (+11% YoY) – โตช้ากว่า OCI แสดงให้เห็นการเน้นโฟกัสไปที่ infrastructure
-
-
กำไรและประสิทธิภาพการดำเนินงาน
-
Net Income: $6.13B
-
Software: $5.9B (-3% YoY) – การลดลงต่อเนื่อง ลูกค้าโยกไปใช้ Cloud
-
Adjusted Operating Income: $6.7B (~40% margin) – ประสิทธิภาพสูงแม้ค่าใช้จ่าย CAPEX และยอดขายสูง
-
-
EPS และกำไรพิเศษ
-
Adjusted EPS: $2.26 (+50% YoY) – เกินคาดจาก leverage การดำเนินงานและรายการพิเศษ
-
GAAP EPS: $2.10 (+80–90% YoY) – รวมกำไรพิเศษจากขายหุ้น Ampere $2.7B
-
-
เงินสดและสถานะทางการเงิน
-
Annual Operating Cash Flow: $22.3B – ฐานมั่นคงสำหรับลงทุนต่อเนื่องหรือชำระหนี้
-
Remaining Performance Obligations (RPO): $523B (+438% YoY) – backlog สัญญาขนาดใหญ่ ชี้ชัดถึงรายได้ในอนาคต
-
สรุปภาพรวมเชิงวิเคราะห์:
-
รายได้รวมเติบโตเล็กน้อยต่ำกว่าคาด → ทำให้ตลาดกังวล
-
การลงทุนใน AI infrastructure เต็มกำลัง → เพิ่มโอกาสแต่ก็สร้างภาระ CAPEX และหนี้
-
Adjusted EPS และ Operational Efficiency แข็งแกร่ง → แสดงศักยภาพการทำกำไรสูง
-
Backlog ขนาดมหาศาล $523B → รายได้ในอนาคตมีความชัดเจน
แนวทางตลาด:
-
นักลงทุนจับตาการเติบโตระยะยาวของ OCI และ AI
-
ความกังวล: รายได้รวมโตช้า, CAPEX สูง, ความเสี่ยง leverage
-
หุ้นอาจผันผวนระยะสั้น แต่พื้นฐานระยะยาวยังแข็งแกร่ง

Revenue, Margins, and One-Offs
Oracle: ชัดเจนว่าเป็น Cloud-First Company
-
Cloud (Infrastructure + SaaS): ประมาณ ครึ่งหนึ่งของยอดขายรวม และเติบโตเร็วกว่าธุรกิจอื่น ๆ
-
OCI Infrastructure: โตประมาณ 60–70% ต่อปี
-
Cloud Applications (SaaS): โตประมาณ 10% ต่อปี
-
-
Software แบบดั้งเดิม: ยังคงลดลง → ส่งผลให้การเติบโตของรายได้รวมชะลอ แต่ยืนยันว่า ลูกค้าได้ย้ายไป Cloud จริง
ข้อดี:
-
Subscription revenue ช่วยให้ รายได้มีความเสถียรและคาดการณ์ได้ง่ายขึ้น
ข้อจำกัด:
-
ลดโอกาส รายได้รวมพุ่งสูงในระยะสั้น เนื่องจาก Software แบบดั้งเดิมลดลง
สรุป:
Oracle ได้กลายเป็น Cloud-first company อย่างชัดเจน โดย OCI เป็นเครื่องยนต์หลักของการเติบโต และ subscription model ทำให้รายได้มั่นคง แม้การเติบโตของรายได้รวมในระยะสั้นจะจำกัด

Oracle: กำไรและอัตรากำไร (Margins) – Q2 FY2026
1. Net Income / Net Margin
-
กำไรสุทธิ ผันผวน มีจุดต่ำสุดราวปี 2022 ก่อนฟื้นตัว
-
Q2 FY2026 แสดง net margin พุ่งชัดเจน → ส่วนใหญ่เกิดจาก กำไรพิเศษจากการขายหุ้น Ampere ไม่ใช่การปรับปรุงจากการดำเนินงานหลัก
-
Operating Margin ค่อนข้าง เสถียรที่ 30–35% → แสดงประสิทธิภาพสูงแม้ต้นทุนพัฒนาผลิตภัณฑ์และยอดขายสูงขึ้น
-
Net margin ได้รับอิทธิพลจากรายการทางการเงิน ภาษี และรายการพิเศษ มากกว่าการดำเนินงานปกติ
2. EBITDA / ROIC / Cost of Capital
-
EBITDA ค่อนข้างมั่นคง แสดงถึงความสามารถในการสร้างเงินสดจากการดำเนินงาน
-
ROIC ยังสูง → แสดงประสิทธิภาพในการลงทุนทุน
-
Cost of Capital ต้องพิจารณาร่วมกับหนี้และ CAPEX ที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุน AI และ OCI
สรุป:
-
Q2 FY2026 กำไรสุทธิพุ่งสูงเป็น ผลจากรายการพิเศษ
-
ประสิทธิภาพการดำเนินงาน (Operating Margin) แข็งแกร่งและสม่ำเสมอ
-
นักลงทุนควรจับตา Net Margin ที่แท้จริงหลังปรับรายการพิเศษ เพื่อประเมินความแข็งแกร่งของธุรกิจจริง


Oracle – หนี้, CAPEX และสถานการณ์ AI
1. ภาพรวมหนี้
-
Oracle จาก บริษัทซอฟต์แวร์ที่มี leverage ปานกลาง → กลายเป็น หนึ่งใน tech giants ที่มี leverage สูงสุด
-
หนี้ระยะยาวเพิ่มจาก ~$55–60B ในปี 2019–2020 → ~$115–120B ใน Q2 FY2026
-
ต้นทุนหนี้สูงขึ้นและ credit risk premiums เพิ่ม → งบดุลมีความเสี่ยงมากขึ้น
กรณีสถานการณ์ (Scenarios)
1. Base (“Soft AI Landing”)
-
ความต้องการ AI infrastructure ยังคงสูง
-
Oracle แปลง backlog เป็นรายได้สำเร็จ
-
CAPEX ปรับสู่ระดับปกติ
-
Free cash flow เพิ่มขึ้น, หนี้ลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป
2. Intermediate (“AI Normalization”)
-
ความต้องการ AI โตช้ากว่าเดิม
-
การแปลง backlog เป็นรายได้ล่าช้า
-
ต้องบาลานซ์ระหว่าง CAPEX และการลดหนี้ → เพิ่มแรงกดดันต่อเรตติ้งและต้นทุนหนี้
3. Negative Scenario
-
ความต้องการ AI อ่อนแอ
-
หนี้สูงและ CAPEX เพิ่มขึ้นเป็นภาระ
-
ต้องลด CAPEX และบริหารเงินทุนอย่างระมัดระวัง
ตัวชี้วัดสำคัญ: ROIC vs WACC
-
หาก ROIC > WACC แม้มี CAPEX สูงและ leverage สูง → แสดง การจัดสรรทุนดี และแต่ละดอลลาร์ลงทุนใน AI สร้างมูลค่า
-
หาก ROIC ลดลงต่อเนื่องและต้นทุนทุนสูง → spread ลดลง → จำกัดศักยภาพ valuation แม้รายได้โตแข็งแกร่ง
-
ตลาดควรติดตาม ROIC vs WACC ขณะการลงทุน AI ดำเนินไป
ข้อสรุป
-
Q2 FY2026 ไม่ทำลายธีมการลงทุนระยะยาวของ Oracle ในฐานะผู้ได้ประโยชน์จากความต้องการ cloud และ AI ที่เพิ่มขึ้น
-
จุดสนใจเปลี่ยนจาก “บริษัทนี้ทำ AI หรือไม่?” → เป็น “บริษัทจะสามารถ monetize การลงทุน AI ได้เร็วแค่ไหนและมีความเสี่ยงเท่าไร?”
-
RPO record, การเติบโต OCI ที่ dynamic, และ operating margin ที่คงที่ → การปรับลดราคาหุ้นล่าสุดอาจเป็นโอกาสซื้อสำหรับนักลงทุนที่ยอมรับความผันผวนสูง
-
อย่างไรก็ตาม CAPEX สูง, หนี้เพิ่ม, และ ROIC-WACC แคบลง → จำกัดความยืดหยุ่นของผู้บริหาร
-
ตลาดจะ ไม่ให้อภัยต่อผลลัพธ์ “mixed” ในอนาคต เท่าช่วงเริ่มต้น AI boom
-
Oracle กลายเป็น ตัวชี้วัดของตลาด AI tech
-
หากแปลง RPO เป็นรายได้และกระแสเงินสดตามแผน → ยืนยันความสามารถทำกำไรจาก AI infrastructure
-
หาก monetization ช้า/ไม่ทำกำไร → หนี้และ CAPEX ปัจจุบันอาจทำให้หุ้น Oracle และบริษัท AI อื่น ๆ ปรับตัวลดลงอีก
-
หุ้นเด่นรายสัปดาห์ – Jabil Inc
Broadcom (AVGO.US) หุ้นร่วง 5% แม้รายงานผลประกอบการแข็งแกร่งและความต้องการ AI สูง 🗽
สรุปข่าวเช้า
ข่าวเด่นวันนี้