ในบทเรียนนี้คุณจะได้เรียนรู้ว่า:
- อะไรคือแนวความคิดเบื้องหลังของการวิเคราะห์ทางเทคนิค
- จะวิเคราะห์ตลาดโดยอาศัยการดูกราฟเป็นหลักได้อย่างไร
- เหตุใดประวัติศาสตร์จึงมักซ้ำรอยในตลาดการเงิน
โดยทั่วไปแล้ว มีอยู่สองวิธีที่เทรดเดอร์ใช้ในการเจาะตลาด เพื่อตัดสินใจว่าตลาดจะขึ้นหรือลง สิ่งเหล่านี้เรียกว่า การวิเคราะห์พื้นฐานและการวิเคราะห์ทางเทคนิค มันเป็นวิธีการที่คล้ายกับเมื่อคุณซื้อรถยนต์ คุณสามารถวิเคราะห์ราคาของมัน แต่ในทางกลับกันคุณสามารถตรวจสอบเครื่องยนต์ ตัวถัง และสิ่งต่างๆ อีกมากมาย
ในขณะที่การวิเคราะห์พื้นฐานมุ่งเน้นไปที่ข้อมูลทางเศรษฐกิจของบริษัท สินค้าโภคภัณฑ์ หรือสกุลเงิน การวิเคราะห์ทางเทคนิคจะเน้นไปที่การดูแผนภูมิกราฟเพื่อทำนายการเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในวิธีที่เทรดเดอร์นิยมใช้มากที่สุดในปัจจุบัน เพื่อเล็งหาโอกาสในการเทรด การวิเคราะห์ทางเทคนิคประกอบด้วยหลักการสามข้อ:
- ราคาตลาดสะท้อนปัจจัยทุกอย่างแล้ว
- ราคาเคลื่อนไหวตามเทรนด์
- ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเสมอ
ราคาตลาดสะท้อนปัจจัยทุกอย่างแล้ว
การวิเคราะห์ทางเทคนิคพิจารณาเฉพาะการเคลื่อนไหวของราคาโดยไม่คำนึงถึงปัจจัยพื้นฐาน เนื่องจากปัจจัยเหล่าใดๆ ทั้งหมดที่มีผลต่อราคา จะถูกสะท้อนออกมาจากการเคลื่อนไหวของราคาแล้ว ดังนั้นสิ่งที่ต้องตรวจสอบคือ ราคาของมัน
แน่นอนว่า เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น ภัยธรรมชาติหรือความตึงเครียดทางการเมือง อาจส่งผลกระทบต่อตลาดบางอย่างได้ แต่นักวิเคราะห์ทางเทคนิคไม่สนใจเหตุผลดังกล่าว นักวิเคราะห์ทางเทคนิคมุ่งเน้นไปที่แผนภูมิ ซึ่งแสดงให้เห็นเป็นรูปทรง รูปแบบ และการก่อตัวของกราฟที่เกิดขึ้นบนแผนภูมิ
ราคาเคลื่อนไหวตามเทรนด์
การวิเคราะห์ทางเทคนิคเชื่อว่า ความเคลื่อนไหวของราคาจะเป็นไปตามเทรนด์ ซึ่งหมายความว่า หลังจากเกิดแนวโน้มใดๆแล้ว การเคลื่อนไหวของราคาในอนาคตจะมีแนวโน้มเคลื่อนไหวไปในทิศทางนั้นๆ มากกว่าที่จะเป็นไปในทิศทางตรงข้าม กลยุทธ์การซื้อขายทางเทคนิคส่วนใหญ่สอดคล้องกับแนวคิดดังกล่าว
ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเสมอ
รากฐานที่สำคัญของการวิเคราะห์ทางเทคนิค คือ ความเชื่อที่ว่าประวัติศาสตร์มีแนวโน้มที่จะซ้ำรอยตัวเอง ตัวอย่างเช่น หากราคา EURUSD เพิ่มขึ้นก่อนการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ เทรดเดอร์จะซื้อคู่เงินดังกล่าวก่อนที่จะมีการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปในสหรัฐฯ ดังนั้น นักวิเคราะห์ทางเทคนิคจึงใช้ข้อมูลราคาย้อนหลังเพื่อช่วยให้พวกเขาคาดการณ์ว่า ราคาในอนาคตน่าจะเป็นไปในทิศทางใด นั่นคือที่มาของแนวรับและแนวต้าน
แผนภูมิกราฟมักจะก่อตัวเป็นรูปทรงจากราคาที่เกิดขึ้นในอดีต และการวิเคราะห์รูปแบบที่ผ่านมาช่วยให้นักวิเคราะห์ทางเทคนิคสามารถคาดการณ์ความเคลื่อนไหวของตลาดในอนาคต หลักการนี้ผูกติดอยู่กับความเชื่อมั่นของนักวิเคราะห์ทางเทคนิคว่า โดยส่วนใหญ่แล้ว การซื้อขายเป็นเรื่องของความน่าจะเป็น และเทรดเดอร์ก็ใช้ประโยชน์จากการวิเคราะห์รูปทรงในอดีต ก่อนที่จะเปิดสถานะการซื้อขาย รูปทรงเหล่านี้เรียกว่า รูปแบบราคา:
คาดการณ์อนาคต:
การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นแนวทางปฏิบัติเพื่อพยากรณ์ความเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต ด้วยการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาในอดีต นักวิเคราะห์ทางเทคนิคเชื่อว่า หากดัชนี DAX มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา มันก็น่าจะเพิ่มขึ้นได้อีกในอนาคต เพราะเทรนด์มันมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น ทั้งนี้ มีเทคนิคต่างๆ มากมายในการระบุแนวโน้ม แต่ก็เหมือนกับการพยากรณ์อากาศ ผลลัพธ์ของการวิเคราะห์ทางเทคนิคไม่สามารถครอบคลุมเหตุการณ์ที่เป็นไปได้ทั้งหมด อย่างไรก็ดี การวิเคราะห์ทางเทคนิคสามารถช่วยให้นักลงทุนคาดการณ์สิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นกับราคาเมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่ง