ยักษ์ใหญ่บางรายสร้างความประทับใจให้ผู้ลงทุน แต่บางรายเผชิญฝันร้ายในตลาดหุ้น
เรามาดูกันว่าสินทรัพย์ใดกลายเป็นความผิดหวังทางการเงินในปีนี้ และบริษัทใดสร้างความกังวลให้ผู้ลงทุนทั้งใน สหรัฐฯ ยุโรป จีน และญี่ปุ่น ในปี 2025
S&P 500 ขับเคลื่อนด้วย AI: หุ้นไหนเติบโต หุ้นไหนอ่อนตัว?
ดัชนีหุ้นหลักของสหรัฐฯ S&P 500 ปรับตัวขึ้นเกือบ 15% ในปีนี้ ดูเหมือนตลาดกระทิงยังแข็งแกร่ง แต่เมื่อลงรายละเอียดจะเห็นความแตกต่างชัดเจน: หุ้นบางตัวพุ่งกว่า 100% ในขณะที่บางตัวลดลงครึ่งหนึ่ง
กลุ่มหุ้นที่ทำผลงานดีในปีนี้
-
ซัพพลายเออร์เซมิคอนดักเตอร์และหน่วยความจำ
-
เทคโนโลยีด้านกลาโหมและโครงสร้างพื้นฐาน AI
กลุ่มหุ้นที่ลดลงชัดเจน
-
ค้าปลีกและบริษัทที่ปรึกษา ซึ่งได้รับผลกระทบจากต้นทุนสูง ภาษีศุลกากร และความต้องการผู้บริโภคลดลง
ผู้บริโภคเหนื่อยล้าจากเงินเฟ้อ
บางบริษัทสหรัฐฯ ที่เป็นตัวอย่างของการขาดทุน ได้แก่ Deckers Outdoor และ Lululemon หุ้นลดลงกว่า 50% นับตั้งแต่ต้นปี
เหตุผล: แม้คนบางกลุ่มมีรายได้เพิ่ม แต่ผู้บริโภครายกลางเหนื่อยล้าจากราคาสูงและรายได้ลดลง ทำให้ การบริโภคโดยรวมอ่อนแรง และนักลงทุนเลี่ยงแบรนด์ที่พึ่งพาค้าปลีก
แรงกดดันเพิ่มเติม: ภาษีศุลกากรที่เพิ่มขึ้นกดดันบริษัทที่นำเข้าสินค้านอกสหรัฐฯ
AI – โอกาสสำหรับบางราย ความท้าทายสำหรับบางราย
AI กลายเป็น เครื่องยนต์การเติบโตของวอลล์สตรีท แต่ไม่ใช่ทุกบริษัทใช้ได้ผล ตัวอย่างบริษัทที่ยังทำผลงานไม่เป็นไปตามคาด ได้แก่ EPAM Systems และ Salesforce ซึ่งถูกคู่แข่งที่ลงทุนใน AI อย่างหนักนำหน้า
ตลาดเข้าสู่ ยุค “ผู้ชนะครองตลาด” — บริษัทผู้นำโดดเด่น, บริษัทที่ตามหลังค่อยๆ สูญเสียความสำคัญ
อุตสาหกรรมข้อมูลภายใต้แรงกดดันจาก AI
-
บริษัทเช่น Gartner Research และ FactSet Research Systems ถูกจับตามอง เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า AI อาจทำลายโมเดลธุรกิจแบบเดิม
-
ระบบ AI ขั้นสูงลดความต้องการบริการวิเคราะห์แบบเดิม
-
ผลลัพธ์:
-
บริการเดิมที่มีค่าธรรมเนียมสูงกลายเป็นทดแทนได้ง่าย
-
อุปสรรคการเข้าตลาดลดลง
-
ความกดดันการแข่งขันเพิ่มขึ้นทุกเดือน
-
ยุโรป: ตลาดหุ้นเหมือนรถไฟเหาะ
ในปี 2025 ตลาดยุโรปเหมือน รถไฟเหาะ: บางบริษัทเติบโตเด่น ขณะที่บางบริษัทสูญเสียมูลค่า
บริษัทยุโรปที่ทำผลงานดี
-
Rheinmetall – ผู้นำด้านกลาโหมเยอรมัน
-
Rolls-Royce – สัญลักษณ์วิศวกรรมอังกฤษ
-
Orlen – ยักษ์พลังงานโปแลนด์
บริษัทยุโรปที่ผลงานอ่อนแอ
-
SIG Group – ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์สวิส
-
แม้แต่ผู้ผลิตรถยนต์เยอรมันบางรายที่มีปัญหาก็ยังดูดีกว่าค่าเฉลี่ย
เดนมาร์ก: จากความหวังสู่ความท้าทาย
-
หุ้น Novo Nordisk ลดลง 40% จากความกังวลสงครามราคาในตลาดโรคอ้วนและเบาหวานสหรัฐฯ และภาษีใหม่
-
หุ้น Pandora ลดลงกว่า 35% จากต้นทุนโลหะมีค่าเพิ่ม
-
หุ้น Orsted ลดลงจากการถอนตัวโครงการกังหันลมในสหรัฐฯ
-
หุ้น Coloplast ลดลงกว่า 25%, 4 ใน 36 หุ้นยุโรปที่แย่ที่สุดมาจากเดนมาร์ก
บริษัทใหญ่ที่เผชิญปัญหา
-
หุ้น WPP ลดลง 55%
-
Puma สูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้ Adidas
-
ความตึงเครียดทางการค้าและภาษียิ่งเพิ่มแรงกดดัน
จีน: Alibaba กลับมาคุมเกม
-
ดัชนี Hang Seng ขึ้นกว่า 31%
-
JD.com และ Meituan หุ้นลดลง 36% และ 4%
-
Alibaba กลับมาด้วยการลงทุนหนักใน AI และบริการใหม่
-
ผล: ผู้ใช้เพิ่มกว่า 40 ล้านคนในวันเดียว, ส่งผลต่อความครองตลาดของ Meituan
สงครามราคา
-
JD.com และ Meituan เสียขอบเนื่องจากโปรโมชั่นและคูปองจำนวนมาก
-
รายได้เพิ่ม แต่ มาร์จิ้นลดลง
เหตุผลที่ Alibaba ชนะ
-
ขนาดธุรกิจและความหลากหลาย
-
เงินสดพร้อมใช้งานสูง, มีหลายแหล่งรายได้ ทำให้รองรับการขาดทุนระยะสั้นได้
ญี่ปุ่น: ผู้ผลิตรถยนต์และอุตสาหกรรมอาหารเผชิญแรงกดดัน
-
Nikkei 225 ขึ้นกว่า 25%
-
ผู้ผลิตรถยนต์บางราย เช่น Hino Motors และ Mitsubishi อ่อนแรง
-
Toyota ขึ้น 3% ปีนี้ แต่ Nissan และ Mitsubishi ลดลงกว่า 20%
-
Kikkoman – หุ้นลด 25% เนื่องจากการเติบโตชะลอ, ต้นทุนสูง และความต้องการขายส่งลดลง
-
นักลงทุนระมัดระวังมากขึ้น, แม้ Nikkei จะแข็งแกร่ง ตลาดญี่ปุ่นเริ่ม คัดเลือกมากขึ้น
หุ้น Texas Instruments ดิ่งแรงหลังรายงานผลประกอบการ
Teledyne Technologies รายงานผลประกอบการแข็งแกร่ง แต่หุ้นร่วงกว่า 5%
IBM รายงานผลประกอบการ: บิดาแห่งวงการไอที จะทำได้ตามคาดหรือไม่?
กระแสหุ้นมีม "Meme Stock” กลับมาแล้ว?