Apple เคยเป็นผู้นำอย่างไม่มีข้อโต้แย้งในผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีสำหรับผู้บริโภค แต่ตอนนี้กลับตามหลังคู่แข่งในสนามแข่งขันปัญญาประดิษฐ์ (AI) ขณะที่ Google และ Microsoft กำลังเปิดตัวฟีเจอร์ AI สร้างสรรค์ที่ล้ำสมัย ตั้งแต่ผู้ช่วยเขียนโค้ดขั้นสูงไปจนถึงการสร้างเพลงและวิดีโอแบบเรียลไทม์ Apple ในงาน WWDC 2025 กลับเน้นไปที่การเปลี่ยนแปลงแบบก้าวเล็ก ๆ มากกว่าการปฏิวัติเหมือนในอดีต โดยเฉพาะยุคของ Steve Jobs
ฟีเจอร์ใหม่ที่สำคัญที่สุดคือการเปิดตัวโมเดล AI ของตนเองให้กับนักพัฒนาภายนอกใช้งาน แต่ขนาดของโมเดล (3 พันล้านพารามิเตอร์) ยังตามหลังความก้าวหน้าล่าสุดของคู่แข่งอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ต้องจำไว้ว่า Apple มุ่งเน้นที่ผู้บริโภคเป็นหลัก ไม่ใช่บริษัทขนาดใหญ่ แม้ว่า Siri แบบสนทนาเจาะลึกที่ใช้โมเดลภาษาใหญ่จะเลื่อนเปิดตัวออกไปอีก และฟีเจอร์ AI ที่คาดหวัง เช่น แอปสุขภาพใหม่ จะไม่มาเร็วกว่า 2026
เริ่มเทรดทันทีวันนี้ หรือ ลองใช้บัญชีทดลองแบบไร้ความเสี่ยง
เปิดบัญชี ลองบัญชีเดโม่ ดาวน์โหลดแอปมือถือ ดาวน์โหลดแอปมือถือดีไซน์และระบบนิเวศ: Apple พึ่งพาจุดแข็งเดิม
เมื่อเจอความล่าช้าใน AI Apple จึงเน้นจุดแข็งดั้งเดิม คือ การออกแบบผลิตภัณฑ์และความสอดคล้องของระบบนิเวศ ปีนี้บริษัทเปิดตัวอินเทอร์เฟซใหม่ "Solarium" ที่มีดีไซน์โปร่งแสงและเอฟเฟกต์แสงสว่างครอบคลุม iOS 26, iPadOS 26 และ macOS 26 แอปโทรศัพท์ถูกสร้างใหม่อย่างละเอียดเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2007 และแอปเกมใหม่แบบศูนย์กลางตั้งใจเสริมความแข็งแกร่งในตลาดเกม แต่การแข่งขันกับ Nintendo และ Sony ยังแข็งแกร่งมาก
สถานะการเงินของ Apple ยังแข็งแกร่งหรือไม่?
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา บริษัทไม่ได้แสดงผลลัพธ์ที่โดดเด่น:
-
ราคาหุ้น: ลดลง 18% นับตั้งแต่ต้นปี ทำให้ Apple เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีผลการดำเนินงานแย่ที่สุดในกลุ่ม Mag7 โดยเป็นรองเพียง Tesla ที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่าง Musk กับ Trump
-
รายได้และกำไรสุทธิ: รายได้อยู่ที่ 95.3 พันล้านดอลลาร์ โดยมีอัตรากำไรจากการดำเนินงาน 31.5% อย่างไรก็ตาม อัตราการเติบโตของรายได้ชะลอตัวอย่างชัดเจน อยู่ที่ 2.0% ในปีล่าสุด และ 8.5% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 23.8 พันล้านดอลลาร์ กับอัตรากำไรสุทธิ 24% แต่ CAGR กำไรสุทธิในปีล่าสุดติดลบที่ -3.4% โดยมีอัตราการเติบโตสุทธิ 5 ปีที่ 11.1%
-
คำแนะนำของนักวิเคราะห์: จากนักวิเคราะห์ 58 คน มีเพียง 34 คนที่แนะนำ "ซื้อ" ซึ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ต่ำมากเมื่อเทียบกับบริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ และมีคำแนะนำ "ขาย" ด้วย เป้าหมายราคาหุ้นเฉลี่ยใน 12 เดือนข้างหน้าคือ 227.8 ดอลลาร์ บ่งชี้การเพิ่มขึ้นประมาณ 12%
Apple กำลังอยู่ในช่วงที่ต้องเร่งพิสูจน์ตัวเองให้กับนักลงทุนและผู้บริโภคว่าบริษัทยังสามารถตามทันการเปลี่ยนแปลงในตลาดสมาร์ตโฟนและตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภครุ่นใหม่ได้หรือไม่
ความเสี่ยงเชิงกลยุทธ์: ภาษีศุลกากร, จีน และการแข่งขันด้านฮาร์ดแวร์
ปัญหาของ Apple ไม่ได้จบเพียงแค่เรื่อง AI เท่านั้น บริษัทกำลังเผชิญกับต้นทุนภาษีศุลกากรที่เพิ่มขึ้น (คาดการณ์สูงถึง 900 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสนี้) และจำเป็นต้องสร้างห่วงโซ่อุปทานใหม่อย่างรวดเร็ว เนื่องจากในอดีตพึ่งพาจีนอย่างหนัก การจัดส่ง iPhone ในจีนลดลงกว่า 20% ส่งผลให้ Apple ตกลงไปอยู่ในอันดับที่ 5 ในตลาดนั้น คู่แข่งด้านฮาร์ดแวร์ เช่น Meta และ OpenAI (ซึ่งร่วมมือกับ Jony Ive อดีตนักออกแบบของ Apple) เริ่มแสดงให้เห็นว่า พวกเขาจะสามารถแข่งขันกับ Apple ในตลาดฮาร์ดแวร์ระดับพรีเมียมได้มากขึ้น
นักลงทุนและผู้บริโภคยังคงภักดี
แม้จะมีความท้าทายเหล่านี้ Apple ยังคงพึ่งพาฐานผู้ใช้ที่ภักดี บริการที่มีอัตรากำไรสูง และกระแสเงินสดที่มั่นคง จุดแข็งเหล่านี้ช่วยให้บริษัทรักษามูลค่าที่ค่อนข้างสูงไว้ได้ แม้ว่าการเติบโตจะยังตามหลังคู่แข่งอยู่มาก Apple เริ่มถูกมองว่าเป็น “ที่หลบภัย” ในตลาดหุ้น มากกว่าจะเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนการเติบโต

บริษัทล้าหลังกว่าดัชนีเทคโนโลยี Nasdaq 100 ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
ที่มา: xStation5