เมื่อวานนี้ Bitcoin ทะลุแนวต้านระยะสั้นบริเวณ 113,000 ดอลลาร์ และผ่านระดับ Fibonacci retracement 23.6% ของแรงขายใหญ่ล่าสุด การเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Bitcoin หลุดออกจากแนวโน้มขาลงช่วงต้นเดือนกันยายน ซึ่งได้ลบความเสี่ยงของการก่อตัวรูปแบบ Double-top เหนือระดับ 120,000 ดอลลาร์
หนึ่งในแรงหนุนสำคัญของการปรับขึ้นครั้งนี้คือความคาดหวังว่า Fed จะลดดอกเบี้ยในระดับที่มากขึ้น ซึ่งอาจทำให้ดอลลาร์อ่อนค่า แม้ EURUSD จะกลับลงมาต่ำกว่า 1.1700 แต่โอกาสการลดดอกเบี้ยขนาดใหญ่ยังคงกดดันต่อดอลลาร์ ข้อมูลเงินเฟ้อ PPI ที่ประกาศเมื่อวานเพิ่มความหวังต่อการลดดอกเบี้ยมากขึ้น และในวันนี้ เวลา 19:30 น. BST ตัวเลข CPI เงินเฟ้อสหรัฐฯ จะเป็นตัวชี้สำคัญ ขณะที่ตลาดคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะขึ้นเป็น 2.9% YoY จากผลของภาษีศุลกากร แต่ตัวเลข PPI ที่อ่อนกว่าคาดอาจบ่งชี้ว่าแรงกดดันเงินเฟ้อไม่รุนแรงอย่างที่ประเมินไว้ก่อนหน้า
เริ่มเทรดทันทีวันนี้ หรือ ลองใช้บัญชีทดลองแบบไร้ความเสี่ยง
เปิดบัญชี ลองบัญชีเดโม่ ดาวน์โหลดแอปมือถือ ดาวน์โหลดแอปมือถือปัจจัยอื่นที่ช่วยหนุนโมเมนตัมของ Bitcoin ได้แก่:
-
ETF Inflows: กองทุน ETF Bitcoin มียอดเงินไหลเข้าเกิน 750 ล้านดอลลาร์ในวันพุธที่ 10 กันยายน ยอดรวมเดือนกันยายนทะลุ 1 พันล้านดอลลาร์ พลิกกลับจากกระแสเงินไหลออกในเดือนสิงหาคม
-
Whale Accumulation: ข้อมูล On-chain แสดงให้เห็นการสะสมจำนวนมากโดยนักลงทุนรายใหญ่ในเดือนสิงหาคม มูลค่าประมาณ 3 พันล้านดอลลาร์ จำนวนกระเป๋าที่ถืออย่างน้อย 100 BTC แตะระดับสูงสุดใหม่ 19,130 แห่ง มากกว่าจุดสูงสุดเดิมในปี 2017
-
Shrinking Exchange Supply: ปริมาณ Bitcoin ที่อยู่บนกระดานซื้อขายลดลงเหลือต่ำกว่า 11% ของ supply ทั้งหมด ต่ำสุดตั้งแต่ปี 2018 ประมาณ 70% ของ Bitcoin ทั้งหมดไม่ได้เคลื่อนไหวมาแล้วอย่างน้อยหนึ่งปี แสดงถึงการสะสมโดยนักลงทุนระยะยาว
-
Corporate Adoption: มีจำนวนบริษัทที่เลือกถือ Bitcoin เป็นส่วนหนึ่งของสินทรัพย์เพิ่มมากขึ้น ข้อมูลจาก AInvest ระบุว่า บริษัทและสถาบันที่เกี่ยวข้อง (ETF, รัฐบาล ฯลฯ) ถือครองรวมแล้วกว่า 3.7 ล้าน BTC
-
Reduced Leverage: ข้อมูลจาก Glassnode ชี้ว่าอัตราส่วน Leverage ในการซื้อขาย Bitcoin ลดลงอย่างมีนัยสำคัญในปีนี้ สะท้อนถึงการเปลี่ยนจากการเก็งกำไรระยะสั้นไปสู่การถือครองโดยสถาบันระยะยาว
