ตัวเลขปลดพนักงานสหรัฐฯ จากรายงาน Challenger อยู่ที่ 71.321K (ครั้งก่อน 153.074K)
ดัชนี USDIDX ยังคงอ่อนค่าต่อเนื่องในวันนี้ แต่ดีดขึ้นเล็กน้อยหลังการเผยแพร่รายงาน Challenger
รายงาน Challenger ประจำเดือนพฤศจิกายนสะท้อนภาพตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ผสมผสานกัน: ยอดปลดพนักงานลดลงอย่างเห็นได้ชัดในภาพรายเดือน แต่ยังคงอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับแนวโน้มในอดีต บ่งชี้ว่าภาคธุรกิจยังคงเตรียมรับมือกับภาวะเศรษฐกิจและการปรับโครงสร้างเชิงลึก
ยอดปลดพนักงานลดลงในเดือนพฤศจิกายน — แต่ยังอยู่ในระดับสูงทางประวัติศาสตร์
-
ยอดปลดพนักงานเดือนพฤศจิกายนลดลง 53% จากระดับสูงผิดปกติของเดือนตุลาคมที่ 153,074 ราย
-
แม้จะลดลง แต่ยอดเดือนพฤศจิกายนยังคงเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2022
-
และยังเป็นเดือนที่ 8 ของปีที่ยอดปลดพนักงาน “สูงกว่า” ช่วงเดียวกันของปีก่อน
-
โดยปกติแล้ว เดือนพฤศจิกายนแทบไม่เคยมีตัวเลขปลดพนักงานเกิน 70,000 ราย – และเคยเกิดขึ้นเพียง สองครั้ง ตั้งแต่ปี 2008
แม้การลดลงจะเป็นสัญญาณเชิงบวก แต่แนวโน้มโดยรวมยังอยู่ในระดับสูง สะท้อนความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการชะลอตัวในหลายอุตสาหกรรม
ตัวเลขสะสมตั้งแต่ต้นปีสูงที่สุดนับตั้งแต่ช่วงโควิด
-
นายจ้างประกาศปลดพนักงานสะสมปีนี้ที่ 1.17 ล้านราย เพิ่มขึ้น 54% YoY
-
เป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2020
-
และเป็นเพียงครั้งที่ 6 ตั้งแต่ปี 1993 ที่ยอดสะสมเกิน 1.1 ล้านรายภายในเดือนพฤศจิกายน
ช่วงเวลาที่มีตัวเลขเปรียบเทียบได้ใกล้เคียงกันคือช่วงเศรษฐกิจถดถอย: 2001, 2002, 2009 และ 2020
แม้เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะยังไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย แต่สเกลของการปลดพนักงานสะท้อน “พฤติกรรมก่อนเข้าสู่ภาวะถดถอย” โดยบริษัทต่างๆ ลดต้นทุนเชิงรุกเพื่อรักษากำไร
อุตสาหกรรมที่นำคลื่นการปลดพนักงาน
📡 โทรคมนาคม: +268% YoY
-
15,139 รายในเดือนพฤศจิกายน ส่วนใหญ่จาก Verizon
-
มากที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี 2020
-
YTD: 38,035 ราย
💻 เทคโนโลยี – ยังคงเป็นผู้นำการปลดพนักงานภาคเอกชน
-
12,377 รายในเดือนพฤศจิกายน
-
YTD: 153,536 ราย (+17% YoY)
สะท้อนการลดความซ้ำซ้อน การควบคุมต้นทุน และการปรับโครงสร้างจาก AI
🛍️ ค้าปลีก: +139% YoY
ได้รับแรงกดดันจากอุปสงค์ผู้บริโภคที่อ่อนตัว ความไม่แน่นอนด้านภาษีนำเข้า และพฤติกรรมการซื้อของที่เปลี่ยนไป
🏛️ องค์กรไม่แสวงกำไร: +409% YoY
ถูกกระทบหนักจากการลดงบสนับสนุนของภาครัฐและเงินบริจาคที่ลดลง
🥩 อุตสาหกรรมอาหาร (ผู้แปรรูปเนื้อวัว): +26% YoY
ปรับกำลังการผลิตจากแนวโน้มด้านเกษตรและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง
แรงกดดันด้านการปรับโครงสร้างเกิดขึ้นทั้งในอุตสาหกรรมเชิงวัฏจักร (ค้าปลีก, อาหาร) และอุตสาหกรรมที่กำลังเปลี่ยนโครงสร้าง (เทคโนโลยี, โทรคมนาคม, Non-profit)
เหตุผลสำคัญที่ทำให้บริษัทต้องปลดพนักงาน
-
Restructuring: 20,217 รายในเดือนพฤศจิกายน; YTD: 128,255
-
Closings: 17,140 รายในเดือนพฤศจิกายน; YTD: 178,531
-
Market/Economic Conditions: 15,755 รายในเดือนพฤศจิกายน; YTD: 245,086
-
Artificial Intelligence:
-
6,280 รายในเดือนพฤศจิกายน
-
54,694 รายสะสมปีนี้ เกิดจาก “การทดแทนแรงงานด้วย AI โดยตรง”
-
-
DOGE (Department of Government Efficiency):
-
293,753 ราย YTD — เป็นสาเหตุอันดับ 1 ของการปลดพนักงาน
-
เพิ่มอีก 20,976 รายจากผลกระทบทางอ้อมของการลดงบประมาณ
-
ปัจจัยขับเคลื่อนการปลดพนักงานส่วนใหญ่เกิดจาก นโยบายภาครัฐและเทคโนโลยี มากกว่าปัจจัยเศรษฐกิจเพียวๆ บ่งชี้การปรับโครงสร้างแรงงานที่ลึกมากขึ้น
แผนการจ้างงานใหม่ลดลงต่ำที่สุดในรอบกว่า 10 ปี
-
บริษัทต่างๆ ประกาศแผนจ้างงานใหม่เพียง 497,151 ตำแหน่ง จนถึงเดือนพฤศจิกายน ลดลง 35% YoY
-
เป็นแนวโน้มการจ้างงานที่อ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่ปี 2010
-
การจ้างงานช่วงเทศกาลก็อยู่ในระดับต่ำที่สุดตั้งแต่เริ่มบันทึกข้อมูลในปี 2012
-
และไม่มีการประกาศรับพนักงานเพิ่มในเดือนพฤศจิกายนเลย
บ่งชี้ว่าบริษัทไม่ได้แค่ลดคน — แต่ยัง “ชะลอการจ้างงานใหม่” ซึ่งมักเป็นสัญญาณล่วงหน้าของแรงงานที่กำลังอ่อนแอมากขึ้น
Source: xStation5
ข่าวเด่น: ยอดขอสวัสดิการว่างงานต่ำกว่าคาด! 🚨 EURUSD ร่วงลงต่อเนื่อง 📉
ยอดค้าปลีกยูโรโซนออกมาคละเคล้า ➡️ ปฏิกิริยา EURUSD ยังไม่ผันผวนมาก
ปฏิทินเศรษฐกิจ: ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ และยอดขายปลีกยูโรโซนอยู่ในความสนใจ
สรุปข่าวเช้า