ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งบริหารใหม่ในวันนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดราคายาให้สอดคล้องกับราคาที่ประเทศอื่น ๆ จ่าย ทรัมป์เคยประกาศมาก่อนหน้านี้ว่าเขาตั้งใจจะแก้ไขสถานการณ์ในตลาดยาในสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม การตอบสนองของหุ้นกลุ่มผู้ผลิตยาสะท้อนว่ามาตรการที่เสนอในครั้งนี้ดูจะอ่อนกว่าที่ตลาดเคยกังวลไว้
องค์ประกอบสำคัญของคำสั่งบริหารฉบับใหม่นี้ คือการนำหลักการ “ราคาประเทศพิเศษ” หรือ Most Favored Nation (MFN) Pricing มาใช้ โดยเปรียบเทียบราคายาในสหรัฐฯ กับราคาของประเทศพัฒนาแล้วอื่น ๆ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างอย่างมาก และคำสั่งนี้มีเป้าหมายเพื่อลดช่องว่างดังกล่าว โดยภายใน 30 วันหลังจากคำสั่งมีผล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขจะต้องติดต่อผู้ผลิตยาและนำเสนอกลยุทธ์การตั้งราคาที่สอดคล้องกับหลักการ MFN ทั้งนี้ ทรัมป์เคยพยายามผลักดันนโยบายคล้ายกันมาแล้วในช่วงดำรงตำแหน่งก่อนหน้า ดังนั้นหลักการ MFN ไม่ใช่เรื่องใหม่โดยสิ้นเชิง
เริ่มเทรดทันทีวันนี้ หรือ ลองใช้บัญชีทดลองแบบไร้ความเสี่ยง
เปิดบัญชี ลองบัญชีเดโม่ ดาวน์โหลดแอปมือถือ ดาวน์โหลดแอปมือถือหากภายใน 6 เดือน บริษัทผู้ผลิตยาไม่สามารถแสดง “ความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญ” ต่อเป้าหมายที่กำหนดไว้ รัฐบาลจะดำเนินมาตรการเพิ่มเติมเพื่อกดราคายาลง
อย่างไรก็ตาม คำสั่งบริหารฉบับนี้ไม่ได้ระบุชัดเจนว่ายาชนิดใดจะถูกรวมอยู่ภายใต้มาตรการ และน้ำเสียงของคำสั่งนี้ก็ไม่รุนแรงเท่าที่นักลงทุนเคยคาดไว้ ส่งผลให้หุ้นของบริษัทยารายใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เช่น Eli Lilly เพิ่มขึ้น 3.7%, Bristol Myers Squibb เพิ่มขึ้น 4%, และ Pfizer เพิ่มขึ้น 3.4% ในการซื้อขายวันนี้
ทั้งนี้ ประเด็นเรื่องการแก้ไขราคายายังคงไม่แน่นอน และเมื่อพิจารณาจากแนวทางของทรัมป์ในอดีต นักลงทุนอาจยังต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความพลิกผันในเรื่องนี้ต่อไป
Eli Lilly พลิกกลับจากแนวโน้มขาลงที่ชัดเจนในวันนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงด้านการกำหนดราคายาในสหรัฐฯ ที่ทรัมป์ประกาศไว้ การดีดตัวขึ้นจากโซนแนวรับบริเวณ 761 ดอลลาร์ อาจเป็นสัญญาณของการฟื้นตัวที่เป็นไปได้ สำหรับหุ้นที่เผชิญกับแรงเทขายอย่างหนักเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
แหล่งที่มา: xStation