ในตลาดหุ้น เดือนธันวาคมมักถูกมองว่าเป็นช่วงเวลาที่ “ซานตาคลอสต้องมอบกำไร” และนักลงทุนจำนวนมากก็คาดหวังแรงบวกช่วงท้ายปีอยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขสถิติมักทำให้อารมณ์ตลาดเย็นลงอย่างรวดเร็ว: ธันวาคม ไม่ใช่เดือนที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงที่สุด แต่โดดเด่นเพราะเป็นเดือนที่ มีโอกาสปิดลบค่อนข้างต่ำมาก พูดง่าย ๆ คือเป็นเดือนที่ “ความอดทนมักให้รางวัล” มากกว่าที่ตลาดจะลงโทษความคาดหวังเกินจริง
Santa Claus Rally แบบดั้งเดิม มีช่วงเวลาที่ชัดเจนและสั้นมาก โดยนับรวมเพียง 7 วันทำการ เท่านั้น — 5 วันสุดท้ายของเดือนธันวาคม และ 2 วันแรกของเดือนมกราคม ซึ่งถูกมองเป็นช่วงเดียวกันทางสถิติ ช่วงเวลานี้มักจะให้ผลตอบแทนบวกและดัชนีมีแนวโน้มทำผลงานเหนือค่าเฉลี่ยมากกว่าช่วงอื่น ๆ และนี่คือที่มาของ “ตำนานซานตาคลอสรอบปลายปี” ว่าตลาดเกือบจะมีภาระหน้าที่ต้องมอบของขวัญเป็นกำไรให้กับนักลงทุน
ข้อมูลย้อนหลังของดัชนีสำคัญในสหรัฐฯ และยุโรประบุว่า เดือนธันวาคมไม่ได้ครองอันดับสูงสุดในแง่ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อเดือน แม้ส่วนใหญ่จะอยู่ในครึ่งบนของตารางก็ตาม โดยเฉลี่ยแล้วผลตอบแทนเดือนธันวาคมมักอยู่ราว 2%–3% ขณะที่เดือนที่ทำผลงานดีที่สุดบางเดือนอาจเกิน 4%
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เดือนธันวาคมโดดเด่นจริง ๆ คือ สัดส่วนปีที่ตลาดปิดลบต่ำกว่าหลายเดือนอย่างเห็นได้ชัด ส่งเสริมภาพลักษณ์ว่าเป็นช่วงปลายปีที่ทิศทางตลาด “คาดเดาได้มากกว่า” ช่วงอื่น ๆ
ในทางปฏิบัติ แม้เดือนธันวาคมอาจไม่ใช่ “ราชาแห่งผลตอบแทน” แต่ถือเป็นหนึ่งในเดือนที่ คาดเดาทิศทางได้ง่ายที่สุด สำหรับนักลงทุนที่ให้ความสำคัญกับความต่อเนื่องและความน่าจะเป็นของผลลัพธ์เชิงบวก

Average monthly returns of the S&P 500 index. Source: XTB Research, Bloomberg Finance L.P.

Average monthly returns of the DAX index. Source: XTB Research, Bloomberg Finance L.P.
The mechanism behind this anomaly is largely driven by investor behavior and portfolio processes within institutional funds. The year-end period is a time of closing performance books and tidying up positions, encouraging capital rotation from defensive assets into equities that improve portfolio presentation. The tax motive also plays an important role, as some investors realize losses in December to reduce taxable income, and return to the market in January, strengthening demand. Lower liquidity and the holiday mood mean that even a moderate stream of buy orders can trigger more noticeable price movements than under normal conditions, reinforcing the perception of a natural tendency for markets to rise during this period.
ปลายปี 2025 จะเกิด Santa Claus Rally ซ้ำอีกครั้งได้หรือไม่?
ในปี 2025 กระแส Santa Claus Rally ต้องเผชิญกับจุดเริ่มต้นที่ “ไม่ธรรมดา” อย่างยิ่ง ดัชนีสำคัญทั้งในสหรัฐฯ ยุโรป และตลาดหุ้นวอร์ซอกำลังแกว่งตัวใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยบางดัชนีทำจุดสูงสุดใหม่หลังจากหลายเดือนของการปรับขึ้นอย่างแข็งแกร่ง จุดเริ่มต้นที่สูงเช่นนี้เพิ่มความเสี่ยงต่อแรงขายทำกำไร และทำให้ตลาดไวต่อข่าวลบมากขึ้น แต่ก็ ไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ของการขึ้นต่อ หากมีสัญญาณเศรษฐกิจมหภาคเข้ามาหนุน
แรงผลักดันสำคัญที่สุดคือ ทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) การประชุมเดือนธันวาคมอาจกลายเป็นตัวเร่งให้เกิดคลื่นความเชื่อมั่นแบบ risk-on อีกระลอก หาก Fed ลดดอกเบี้ยพร้อมส่งสัญญาณเชิงผ่อนคลาย จะช่วยหนุนสินทรัพย์เสี่ยง ในทางกลับกัน หากไม่มีการปรับเปลี่ยน หรือส่งสัญญาณเข้มงวดมากขึ้น ก็อาจจำกัดโอกาสของ Santa Claus Rally ได้เช่นกัน ข้อความที่ระมัดระวังหรือการเลื่อนการตัดสินใจออกไป อาจสร้างความผิดหวังในช่วงเวลาที่นักลงทุนมักคาดหวังแรงบวกปลายปี
กราฟ Seasonality ของดัชนี SPX และ DAX ชี้ว่า ธันวาคมมักเป็นเดือนที่ให้ผลตอบแทนค่อนข้างมั่นคง แม้จะไม่ใช่เดือนที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงที่สุด แต่การที่เดือนนี้ปิดลบไม่บ่อย ทำให้เกิดภาพลักษณ์เชิงบวก และเมื่อผสานกับโมเมนตัมปัจจุบันรวมถึงผลการประชุม Fed ก็อาจช่วยเสริมความเป็นไปได้ของ Santa Claus Rally
อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะเมื่อมูลค่าหุ้นอยู่ในระดับสูงมาก ทำให้ตลาดอ่อนไหวเป็นพิเศษต่อปัจจัยมหภาคหรือเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ Santa Claus Rally จึงเป็นเพียง “หนึ่งในหลายฉากทัศน์ที่เป็นไปได้” เท่านั้น และไม่ควรถูกมองว่าเป็นสิ่งการันตี Seasonality เป็นเครื่องมือช่วยเสริม แต่ไม่สามารถแทนที่การวิเคราะห์พื้นฐานและการบริหารความเสี่ยงที่รอบด้านได้
Santa Claus Rally ยังคงเป็นหนึ่งในความผิดปกติทางฤดูกาลที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในตลาดการเงิน ปี 2025 สร้างฉากหลังที่น่าสนใจ โดยผสมผสานโมเมนตัมที่แข็งแรง ระดับดัชนีที่ทำจุดสูงสุดใหม่ และความเป็นไปได้ของอิทธิพลจากนโยบายการเงิน ปัจจัยเหล่านี้เอื้อต่อสถานการณ์ “ปลายปีบวกอย่างพอประมาณหรือทรงตัว” แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะเกิดแรงขึ้นแรง ๆ หากเงื่อนไขเข้าหนุนพร้อมกัน Seasonality สามารถเป็นตัวเสริมเทรนด์ได้ แต่ไม่อาจทดแทนการประเมินภาพเศรษฐกิจและความเสี่ยงในวงกว้าง ซึ่งยังคงเป็นปัจจัยหลักที่กำหนดพฤติกรรมของตลาด
ข่าวเด่นวันนี้: Wall Street ปิดสัปดาห์ด้วยกำไรเล็กน้อย 🗽 ขณะที่คริปโตเคอร์เรนซีปรับตัวลดลง
NATGAS พุ่ง 5% ทะยานแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี 🔎
Bitcoin ร่วง 3% 📉 เกิดสัญญาณทางเทคนิค “Bearish Flag” หรือไม่?
3 ตลาดน่าจับตาสัปดาห์นี้