ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงต่อเนื่องในช่วงท้ายสัปดาห์! 🚨
ความกังวลต่อผลกระทบจาก การปิดทำการของรัฐบาลสหรัฐฯ (Government Shutdown) ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอจาก มหาวิทยาลัยมิชิแกน และแรงเทขายจากสินทรัพย์เสี่ยง ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้การปรับฐานของตลาดในวอลล์สตรีทขยายวงกว้างขึ้น
สัญญาดัชนี US100 ร่วงกว่า 1.9% ขณะที่ Russell และ S&P 500 ลดลงมากกว่า 1.3%
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดเห็นได้ชัดถึงการลดลงของความต้องการรับความเสี่ยง (risk appetite) และบรรยากาศโดยรวมที่ซบเซา นักลงทุนไม่ได้คาดหวังแค่การลงทุน (Capex) หรือคำสัญญาจากบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีและ AI อีกต่อไป แต่ต้องการเห็น กลยุทธ์สร้างรายได้ (monetization) และ ผลตอบแทนที่เป็นรูปธรรมในระยะไตรมาส ไม่ใช่หลายปีข้างหน้า
ความกังวลจาก Government Shutdown
การปิดทำการของรัฐบาลสหรัฐฯ ครั้งนี้ได้กลายเป็น ครั้งที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์
แม้ในอดีต สถานการณ์ลักษณะนี้มักมีผลกระทบจำกัดต่อเศรษฐกิจ แต่คราวนี้ดูจะรุนแรงมากกว่าเดิม —
เควิน แฮสเซ็ตต์ (Kevin Hassett) ที่ปรึกษาเศรษฐกิจหลักของทำเนียบขาว ระบุว่าผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ “เลวร้ายกว่าที่คาดไว้มาก”
ขณะที่ สก็อต เบสเซนท์ (Scott Bessent) ก็ชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ “บางส่วนเข้าสู่ภาวะถดถอยจริงแล้ว”
แม้แต่ ประธานสภาผู้แทนราษฎร จอห์นสัน (Johnson) ก็แสดงความกังวลต่อปัญหานี้ โดยเตือนว่าหากรัฐบาลไม่รีบจัดการกับปัญหางบประมาณ ดัชนีหุ้นอาจร่วงลงแรงยิ่งขึ้นในกรณีที่ความเสี่ยงอื่น ๆ ทวีความรุนแรง
ข้อมูลเศรษฐกิจชี้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง
ตลาดยังได้รับรายงานจาก มหาวิทยาลัยมิชิแกน เกี่ยวกับความเชื่อมั่นผู้บริโภคและคาดการณ์เงินเฟ้อ ซึ่งยืนยันถึงการชะลอตัวของความเชื่อมั่นในทุกกลุ่ม โดยเฉพาะหมวด “สภาวะปัจจุบัน (Current Conditions)” ที่ลดลงแรงที่สุด
ข้อมูลนี้ยิ่งมีน้ำหนักมากในช่วงที่ การปิดทำการของรัฐบาลจำกัดการเข้าถึงข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคอื่น ๆ
การรวมตัวของปัจจัยลบทั้งหมดนี้ทำให้ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงแตะ ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 เดือน
US100 (D1):
Source: xStation5