ในวันอังคาร ตลาดการเงินยุโรปเผชิญกับแรงขายรุนแรง โดยตลาดหุ้นปารีสได้รับผลกระทบหนักที่สุด ดัชนี CAC 40 ของฝรั่งเศสร่วงลง 1.9% ในช่วงเช้า ถือเป็นหนึ่งในผลงานที่ย่ำแย่ที่สุดของทวีปในวันนั้น เมื่อเปรียบเทียบแล้ว ดัชนี DAX ของเยอรมนีลดลง 0.8% ขณะที่ FTSE 100 ของสหราชอาณาจักรลดลง 0.6% ความเชื่อมั่นที่ย่ำแย่ลงมาจากความตึงเครียดทางการเมืองในฝรั่งเศสที่ทวีความรุนแรง และความไม่มั่นใจของนักลงทุนต่อสินทรัพย์จากประเทศนี้ นอกจากนี้ ข้อมูลล่าสุดยังแสดงให้เห็นว่า ราคาอาหารปรับตัวสูงขึ้นเร็วที่สุดนับตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2024 ซึ่งยิ่งเพิ่มความกังวลต่อเศรษฐกิจ
ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดความไม่มั่นคงคือคำประกาศของ นายกรัฐมนตรี ฟร็องซัวส์ บาโยรู ว่าในวันที่ 8 กันยายน เขาจะขอให้สภาผู้แทนราษฎรลงมติไว้วางใจ การเคลื่อนไหวเสี่ยงครั้งนี้อาจยุติการดำรงตำแหน่งของเขา และได้สร้างความไม่สบายใจในตลาดการเงินแล้ว เวทีการเมืองฝรั่งเศสกลับสู่สภาวะลอยตัวอีกครั้ง แม้บาโยรูจะครองอำนาจอย่างเป็นทางการ แต่เขาไม่มีเสียงสนับสนุนที่มั่นคงในรัฐสภา รัฐบาลของเขาดำเนินการโดยไม่มีเสียงข้างมาก และการแบ่งขั้วทางการเมืองระหว่างฝ่ายซ้าย ฝ่ายกลาง-ขวา และฝ่ายขวาสุด ทำให้การบรรลุข้อตกลงเป็นไปอย่างยากลำบาก นายกรัฐมนตรีพยายามรักษาการเจรจาและเดินหน้าการปฏิรูปสำคัญ เช่น การปฏิรูปบำนาญปี 2023 แม้จะเผชิญเสียงวิจารณ์ที่เพิ่มขึ้นจากฝ่ายค้าน
เริ่มเทรดทันทีวันนี้ หรือ ลองใช้บัญชีทดลองแบบไร้ความเสี่ยง
เปิดบัญชี ลองบัญชีเดโม่ ดาวน์โหลดแอปมือถือ ดาวน์โหลดแอปมือถือสิ่งที่น่ากังวลที่สุดคือ พรรคสังคมนิยม (Socialist Party) ซึ่งครองเสียงสำคัญในสภา ได้ประกาศว่าจะไม่สนับสนุนบาโยรู ซึ่งทำให้พวกเขาเข้าร่วมกับกลุ่มฝ่ายค้านอื่น ๆ ที่วางแผนลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีเช่นกัน
นักวิเคราะห์เตือนว่า ฝรั่งเศสกำลังเผชิญกับ วิกฤตการเมืองครั้งใหญ่ที่ซ้อนทับกับภาวะเศรษฐกิจที่ยากลำบาก ความวุ่นวายด้านงบประมาณอาจกดดันบริษัทขนาดใหญ่ที่จดทะเบียนในดัชนี CAC 40 เพิ่มเติม ซึ่งปัจจุบันก็ทำผลงานได้ต่ำกว่าตลาดยุโรปส่วนอื่น ๆ อย่างชัดเจนในปี 2025 การร่วงลงของตลาดหุ้นปารีสยังคงเป็นแนวโน้มต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี โดยตลาดหุ้นฝรั่งเศสล้าหลังกว่าดัชนีชี้วัดสำคัญของยุโรป สาเหตุไม่เพียงแต่มาจากความตึงเครียดทางการเมือง แต่ยังรวมถึงความกังวลต่อผลกระทบของการปฏิรูปงบประมาณที่วางแผนไว้ ซึ่งรวมถึง มาตรการลดรายจ่ายกว่า 44 พันล้านยูโร