ข้อตกลงการค้า EU–US สำเร็จ ดันดอลลาร์แข็ง–ยูโรอ่อน ตลาดหุ้นตอบรับเชิงบวก ขณะนักลงทุนจับตาผลประชุมเฟดและรายงานจ้างงานสหรัฐฯสัปดาห์นี้
EU/US ได้บทสรุป ขณะตลาดรอฟังผลการประชุมเฟด
โดย Kathleen Brooks, ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ XTB
ข่าวใหญ่สุดช่วงสุดสัปดาห์คือการบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (EU/US) โดยหากมีข้อตกลงใดที่โดนัลด์ ทรัมป์เป็นผู้เจรจา ผลลัพธ์ก็มักจะเอนไปทางสหรัฐฯ เป็นฝ่ายได้เปรียบ ขณะนี้การส่งออกของ EU ไปยังสหรัฐฯ จะถูกเก็บภาษีที่ 15% และ EU ยังให้คำมั่นว่าจะ ลงทุนในสหรัฐฯ มูลค่า 600 พันล้านดอลลาร์ และ ซื้อพลังงานจากสหรัฐฯ ปีละ 250 พันล้านดอลลาร์ เป็นเวลา 3 ปี รวมถึงการจัดซื้ออุปกรณ์ทางการทหารของสหรัฐฯ ด้วย ด้านสหภาพยุโรปแม้จะเสียเปรียบ แต่ก็ยังถือว่าไม่เลวร้ายที่สุด เพราะทรัมป์เคยขู่ขึ้นภาษีสูงถึง 30% เมื่อต้นเดือนนี้
เริ่มเทรดทันทีวันนี้ หรือ ลองใช้บัญชีทดลองแบบไร้ความเสี่ยง
เปิดบัญชี ลองบัญชีเดโม่ ดาวน์โหลดแอปมือถือ ดาวน์โหลดแอปมือถืออุตสาหกรรมยา ‘ชนะ’ อย่างไม่คาดคิด
ตลาดตอบรับเชิงบวก ดัชนียุโรปปรับขึ้นเพราะนักลงทุนโล่งใจที่มีความชัดเจนด้านความสัมพันธ์ทางการค้า หุ้นกลุ่มสินค้าหรู (Hermes, LVMH), พลังงาน, เซมิคอนดักเตอร์ และโดยเฉพาะกลุ่มยา ต่างปรับขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์ เดิมทีวันอาทิตย์ยังไม่ชัดว่ากลุ่มยาอยู่ในข้อตกลงหรือไม่ แต่เจ้าหน้าที่ทั้งฝั่ง EU และสหรัฐฯ ออกมายืนยันว่าการส่งออกยาก็อยู่ภายใต้ ภาษี 15% เช่นกัน
กลุ่มเฮลธ์แคร์กลายเป็นกลุ่มที่ทำผลงานดีเป็นอันดับ 2 บนดัชนี Eurostoxx 50 โดยเพิ่มขึ้น 1.5% ส่วน DAX ของเยอรมนีตามหลังดัชนีหลักยุโรป ปรับขึ้นเพียง 0.4% หุ้นกลุ่มยานยนต์อย่าง Volkswagen และ BMW ลดลง แม้ว่าภาษียานยนต์จะลดจาก 25% เหลือ 15% แต่ตลาดยังสงสัยว่า 15% นั้นต่ำพอหรือไม่ ขณะที่หุ้นกลุ่มกลาโหมอ่อนตัว หลัง EU ให้คำมั่นซื้ออาวุธจากสหรัฐฯ โดยหุ้น Rheinmetall ร่วงมากที่สุดใน DAX เช้านี้
ข้อตกลงยังไม่สมบูรณ์ ต้องรอความเห็นชอบจากสมาชิก EU ทั้งหมด
ข้อตกลงยังอาจมีอุปสรรค เพราะต้องได้รับการอนุมัติจากประเทศสมาชิก EU ทั้งหมด นายกรัฐมนตรีอิตาลีบอกว่ายังต้องตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติม ขณะที่รัฐมนตรีฝ่ายกิจการยุโรปของฝรั่งเศสกล่าวว่าข้อตกลง “ไม่สมดุล” ซึ่งอาจทำให้เกิดการถกเถียงภายในกลุ่มยูโรโซน ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีทรัมป์ดูเหมือนจะบอกเป็นนัยว่าจะไม่มีมาตรการตอบโต้สินค้าส่งออกจาก EU แต่ Ursula von der Leyen ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป กลับยืนยันว่าจะมีมาตรการตอบโต้บางรายการเช่นกัน จึงมีแนวโน้มว่า แรงซื้อในตลาดอาจแผ่วลงเมื่อเจาะลึกรายละเอียดข้อตกลงช่วงต้นสัปดาห์นี้
ข้อตกลงการค้ามีผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียว
ตลาดหุ้นอังกฤษ (FTSE 100) เป็นกลุ่มที่ปรับตัวน้อยที่สุด ขณะที่หุ้นยุโรปปรับขึ้นอย่างโดดเด่น ฟิวเจอร์สตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็บ่งชี้ว่าเปิดตลาดจะปรับขึ้นเช่นกัน ข้อตกลงการค้าระหว่าง EU และญี่ปุ่นที่เน้นการลงทุนในสหรัฐฯ จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและงบประมาณสหรัฐฯ และอาจทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวดีขึ้นต่อไปในปีนี้ ดัชนี S&P 500 เพิ่งทำ จุดสูงสุดใหม่ เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว และอาจขยายกำไรเพิ่มในวันจันทร์นี้ โดยได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการดี, ปริมาณการซื้อขายสูง และสัญญาณเศรษฐกิจแข็งแกร่ง ทำให้หุ้นสหรัฐฯ มีแนวโน้มชนะตลาดยุโรปในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา ดัชนี S&P 500 ปรับขึ้น 3.5% เทียบกับ Eurostoxx 50 ที่ขึ้น 1.4%
ยูโรอ่อนค่าชี้ให้เห็นความกังวล
แม้ตลาดหุ้นจะพุ่ง แต่ ค่าเงินยูโรกลับอ่อนค่าลง เป็นหนึ่งในสกุลเงินที่อ่อนค่าที่สุดในกลุ่ม G10 ในวันจันทร์ ขณะที่ดอลลาร์แข็งค่าทั่วกระดาน นี่อาจบ่งชี้ว่า นักลงทุนในตลาด FX ยังไม่มั่นใจในข้อตกลงการค้าเท่ากับตลาดหุ้น และสะท้อนถึงโครงสร้างการค้าใหม่ระหว่างสหรัฐฯ และยุโรป ที่อาจส่งผลเสียต่อฝั่งยุโรปมากกว่า เพราะต้องรับภาระภาษีและสูญเสียกระแสเงินลงทุนบางส่วน
นักลงทุนสถาบันที่เคยมองแง่ลบต้องตามให้ทันกลุ่มรายย่อย
ด้านข่าวการค้าอื่น ๆ สหรัฐฯ และจีนจะเริ่มต้นการเจรจารอบใหม่ในวันนี้ อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายปัจจัยที่อาจขับเคลื่อนตลาด ได้แก่ การประชุมเฟด, ช่วงรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ที่เข้มข้นทั้งสองฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก และข้อมูลเศรษฐกิจจำนวนมาก โดยเฉพาะรายงานการจ้างงาน (NFP) วันศุกร์
บรรยากาศบวกในตลาดกำลังขยายตัว และหุ้นสหรัฐฯ ก็ไล่ตามผลงานของยุโรปได้แล้วในปีนี้ แม้ว่าจะมีเสียงเตือนว่าหุ้นบางตัวอาจอยู่ในฟองสบู่เพราะนักลงทุนรายย่อยเข้าเก็งกำไรหุ้นเทคและ meme stocks แต่เราเชื่อว่า นักลงทุนสถาบันที่เคยมองลบเมื่อต้นปีนี้ จะต้องเร่งปรับพอร์ตให้ทันรายย่อย