ราคาน้ำมันฟื้นตัวเล็กน้อยในวันศุกร์ แม้ตลาดยังคงระมัดระวัง
นักลงทุนกำลังประเมินผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรใหม่ที่อาจเกิดขึ้นต่อการส่งออกน้ำมันดิบของรัสเซีย ซึ่งอาจถูกหักล้างด้วยการเพิ่มกำลังการผลิตของ OPEC+ และแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกที่ลดลง คณะกรรมาธิการยุโรปได้เสนอให้แทนที่เพดานราคาน้ำมันรัสเซียที่ 60 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้วยกลไกแบบลอยตัว ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรชุดที่ 18 ของสหภาพยุโรป ซึ่งยังอยู่ระหว่างการจัดทำ โดยข้อมูลจาก Bloomberg ระบุว่า:
-
อียูกำลังพิจารณาลดเพดานราคาเหลือ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ตั้งไว้ต่ำกว่าราคาตลาดเฉลี่ยในช่วง 10 สัปดาห์ล่าสุดประมาณ 15%
-
ระบบใหม่จะปรับราคาโดยอัตโนมัติทุกไตรมาส เพื่อรักษาแรงกดดันระยะยาวต่อรัสเซีย
-
กรีซ มอลตา และไซปรัส ซึ่งก่อนหน้านี้คัดค้านหากไม่ได้รับการสนับสนุนจาก G7 ตอนนี้เริ่มเปิดรับการเจรจา
-
สโลวาเกียยังคงขัดขวางมาตรการนี้ โดยต้องการเงื่อนไขผ่อนปรนเกี่ยวกับการนำเข้าก๊าซจากรัสเซีย
-
บางประเทศในอียูต้องการเดินหน้าต่อ แม้ไม่ได้รับการสนับสนุนเต็มรูปแบบจากสหรัฐฯ แต่หากได้รับการสนับสนุนจากทรัมป์ จะช่วยเพิ่มความชอบธรรมมากขึ้น อย่างไรก็ตาม มาตรการนี้ยังต้องได้รับความเห็นพ้องจากสมาชิกทุกประเทศ
ปัจจัยหนุนตลาดเพิ่มเติม
-
ความต้องการตามฤดูกาลกำลังเพิ่มขึ้น ขณะที่การโจมตีของกลุ่มฮูตีในทะเลแดงยังส่งผลกระทบต่อเส้นทางการค้า
-
OPEC+ จะเพิ่มกำลังการผลิต 548,000 บาร์เรล/วันตั้งแต่เดือนสิงหาคม และอาจมีการเพิ่มขึ้นอีกในเดือนกันยายน
-
OPEC ปรับลดคาดการณ์ความต้องการน้ำมันโลกในช่วงปี 2026–2029 โดยให้เหตุผลว่าจีนมีแนวโน้มชะลอตัว ความต้องการในปี 2026 คาดว่าจะอยู่ที่ 106.3 ล้านบาร์เรล/วัน ต่ำกว่าประมาณการก่อนหน้า
-
อย่างไรก็ตาม ซาอุดีอาระเบียเตรียมจัดส่งน้ำมันไปจีนมากที่สุดในรอบกว่า 2 ปี สะท้อนถึงความต้องการที่ยังคงแข็งแกร่ง
จุดโฟกัส: มาตรการคว่ำบาตร
แรงผลักดันเชิงบวกหลักในตลาดน้ำมันมาจากข้อเสนอของอียูเรื่องกลไกใหม่ และกระแสข่าวเกี่ยวกับมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ที่อาจเพิ่มขึ้น
ก่อนหน้านี้มีสัญญาณว่าความตึงเครียดระหว่างวอชิงตัน-มอสโกอาจคลี่คลาย แต่นโยบายแข็งกร้าวของปูติน และการไม่มีฉันทามติเรื่องยูเครน ทำให้ความสัมพันธ์แย่ลงอีก โดยเฉพาะกับฝ่ายบริหารของทรัมป์
เริ่มเทรดทันทีวันนี้ หรือ ลองใช้บัญชีทดลองแบบไร้ความเสี่ยง
เปิดบัญชี ลองบัญชีเดโม่ ดาวน์โหลดแอปมือถือ ดาวน์โหลดแอปมือถือทรัมป์ขู่หลายครั้งว่าจะใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียอย่างเข้มข้นหากไม่สามารถตกลงกันได้ในประเด็นยูเครน สิ่งนี้เพิ่มโอกาสที่สินค้าส่งออกของรัสเซีย โดยเฉพาะน้ำมัน ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลัก จะเผชิญข้อจำกัดเพิ่มเติม ขณะเดียวกัน ฝั่งอียูก็ดูจริงจังมากขึ้นกับแนวทางการคว่ำบาตรที่เข้มงวดกว่าเดิม
หากกลไกใหม่ของอียูถูกนำมาใช้จริง อาจส่งผลให้ปริมาณน้ำมันดิบรัสเซียในตลาดโลกลดลงอย่างมาก โดยเพดานราคาที่ต่ำลง (เช่น 50 ดอลลาร์) อาจทำให้รัสเซียพิจารณาว่าการส่งออกไม่คุ้มค่า และหยุดการขายไปบางส่วน
ในทางกลับกัน หากกลไกสุดท้ายออกมา “เบา” กว่าที่คาด เช่น เพดานราคาสูงกว่าต้นทุนจริงของรัสเซีย ผลกระทบต่อราคาน้ำมันอาจเป็นกลาง อย่างไรก็ตาม เพียงแค่ความคาดหวังว่ากลไกจะมีความยืดหยุ่นและปรับตามตลาดได้ ก็เพียงพอที่จะกระตุ้นให้เกิดการเก็งกำไรในตลาดล่วงหน้าแล้ว
กราฟน้ำมัน (ช่วงรายวัน)
ราคาน้ำมันดิบกำลัง ทะลุเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน (EMA) บนกราฟรายวัน ซึ่งเป็นสัญญาณของการกลับเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นอีกครั้ง หลังจากช่วงที่ราคาเคลื่อนไหวทรงตัว สะท้อนแรงซื้อกลับเข้ามาหลังจากราคาลดลงอย่างหนักจากข่าวคลี่คลายตึงเครียดในตะวันออกกลางและความสัมพันธ์อิสราเอล-อิหร่าน
Source: xStation5