ความตึงเครียดระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์และเจอโรม พาวเวลล์: การต่อสู้เรื่องอัตราดอกเบี้ย
ความตึงเครียดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และประธานธนาคารกลางสหรัฐ เจอโรม พาวเวลล์ กำลังเพิ่มขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน โดยเรื่องหลักของความขัดแย้งนี้คือ นโยบายการเงินและอัตราดอกเบี้ย ทรัมป์ได้เรียกร้องให้พาวเวลล์ปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลายครั้ง โดยยืนยันว่าสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันสมควรที่จะลดอัตราดอกเบี้ย
เริ่มเทรดทันทีวันนี้ หรือ ลองใช้บัญชีทดลองแบบไร้ความเสี่ยง
เปิดบัญชี ลองบัญชีเดโม่ ดาวน์โหลดแอปมือถือ ดาวน์โหลดแอปมือถือเหตุผลของโดนัลด์ ทรัมป์ ทรัมป์เชื่อว่า ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจหลายประการสนับสนุนการลดอัตราดอกเบี้ย โดยเขาอ้างถึง:
-
ราคาน้ำมัน: ราคาน้ำมันลดลงอย่างมาก ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิตและการขนส่ง และอาจกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ
-
อัตราดอกเบี้ยในสหรัฐฯ: อัตราดอกเบี้ยลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากตลาดกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรงจากการบังคับใช้ภาษี
-
ราคาสินค้าอาหาร: ราคาสินค้าอาหารที่ลดลงอาจช่วยลดภาวะเงินเฟ้อ และเปิดโอกาสให้มีการลดอัตราดอกเบี้ยได้
สำหรับทรัมป์ ปัจจัยเหล่านี้ร่วมกันทำให้เขามองว่า การลดอัตราดอกเบี้ยเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและสนับสนุนตลาดการเงิน
TNOTE (H4)

แหล่งข้อมูล : xStation5
จุดยืนของเจอโรม พาวเวลล์
อย่างไรก็ตาม เจอโรม พาวเวลล์ยังคงยืนหยัดในจุดยืนของเขา โดยเขาเชื่อว่าภาษีที่รัฐบาลทรัมป์เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าจากจีนและประเทศอื่น ๆ อาจเพิ่มแรงกดดันให้กับเงินเฟ้อ นักเศรษฐศาสตร์หลายคนประเมินว่า การเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้ออาจสูงถึง 1.5% ซึ่งการเพิ่มขึ้นนี้ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ไม่สามารถลดอัตราดอกเบี้ยได้ เนื่องจากการลดอัตราดอกเบี้ยอาจกระตุ้นเศรษฐกิจและทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นมากขึ้น
นอกจากนี้ พาวเวลล์ยังเน้นว่า อัตราการว่างงานในสหรัฐฯ อยู่ในระดับต่ำสุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งบ่งชี้ถึงเศรษฐกิจที่แข็งแรง การลดอัตราดอกเบี้ยในสภาวะนี้อาจทำให้เศรษฐกิจร้อนแรงเกินไปและนำไปสู่ความไม่สมดุล
ความขัดแย้งที่อาจมีผลกระทบ
การต่อสู้ระหว่างทรัมป์และพาวเวลล์ไม่ได้ปราศจากผลกระทบ ตลาดหุ้นได้ดิ่งลงอย่างมากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากที่คำพูดของประธานธนาคารกลางสหรัฐทำให้ตลาดตกใจ และตลาดยังคงปรับตัวลงในวันนี้ โดยมีน้อยคนที่สามารถคาดเดาได้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะไปในทิศทางไหนในเดือนข้างหน้า
แหล่งข้อมูล: Truth Social