วุฒิสภาสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมาย GENIUS Act – วางกรอบกฎหมายฉบับแรกสำหรับ Stablecoin ที่ผูกกับดอลลาร์
เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน วุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติผ่านร่างกฎหมาย Guiding and Establishing National Innovation for U.S. Stablecoins (GENIUS) Act ด้วยคะแนนเสียง 68 ต่อ 30 ถือเป็นครั้งแรกที่สหรัฐฯ อนุมัติกฎหมายระดับประเทศสำหรับ Stablecoin ที่มีมูลค่าผูกกับเงินดอลลาร์
เริ่มเทรดทันทีวันนี้ หรือ ลองใช้บัญชีทดลองแบบไร้ความเสี่ยง
เปิดบัญชี ลองบัญชีเดโม่ ดาวน์โหลดแอปมือถือ ดาวน์โหลดแอปมือถือสาระสำคัญของกฎหมาย
ร่างกฎหมายฉบับนี้กำหนดให้:
-
Stablecoin ต้องมีสินทรัพย์ค้ำประกันเต็มจำนวน 1:1 ด้วยเงินสดหรือพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะสั้น (T-bills)
-
มีการตรวจสอบบัญชีรายเดือน (Monthly attestations)
-
ดำเนินการภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ
-
ต้องมีมาตรการควบคุมการฟอกเงิน (AML)
รมว.คลัง Scott Bessent ระบุว่า กฎหมายนี้สามารถช่วยให้ตลาด Stablecoin ขยายตัวเกิน 2 ล้านล้านดอลลาร์ในไม่กี่ปีข้างหน้า เทียบกับราว 250,000 ล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน โดยในปีที่ผ่านมา Stablecoin มีปริมาณธุรกรรมบนบล็อกเชนรวมกันถึง 28 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่า Visa และ Mastercard รวมกันเสียอีก
การยอมรับในวงกว้าง
ธนาคารและผู้ค้าปลีกรายใหญ่ในสหรัฐฯ เริ่มสนใจเข้าร่วม:
-
Bank of America ระบุว่า "จะพิจารณาออกโทเคนของตัวเอง" เมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้
-
Walmart และ Amazon กำลังศึกษาโอกาสสร้าง Stablecoin แบรนด์ของตนเอง เพื่อลดต้นทุนค่าธรรมเนียมธุรกรรม
ส่งเสริมค่าเงินดอลลาร์และพันธบัตรรัฐบาล
เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้มีการค้ำประกัน Stablecoin ด้วยดอลลาร์หรือพันธบัตรอย่างเต็มมูลค่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะเพิ่มแรงกดดันต่อระบบการชำระเงินแบบดั้งเดิม และกระตุ้นความต้องการใหม่ในพันธบัตรระยะสั้นของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งต่างจากระบบธนาคารทั่วไปที่อนุญาตให้ถือเงินสำรองเพียงบางส่วน (fractional reserve)
Ethereum จะได้ประโยชน์หรือไม่?
ปัจจุบันประมาณครึ่งหนึ่งของ Stablecoin ทั้งหมดทำงานบนเครือข่าย Ethereum หากมีการใช้งานเพิ่มขึ้นจริง Ethereum อาจได้ประโยชน์จากการเติบโตของธุรกรรม ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตราการ Burn ของโทเคน ETH ไปพร้อมกัน
ขั้นตอนต่อไปในสภาผู้แทนฯ
หลังวุฒิสภาผ่านร่างกฎหมายแล้ว ขั้นต่อไปคือการพิจารณาของ สภาผู้แทนราษฎร:
-
หากสภาเห็นชอบตามร่างของวุฒิสภา กฎหมายอาจถูกส่งถึงทำเนียบขาวระหว่างวันที่ 29–31 กรกฎาคม 2025 (ก่อนปิดสมัยประชุมฤดูร้อน) จากนั้นกระทรวงการคลังจะมีเวลา 120 วัน เพื่อออกข้อบังคับบังคับใช้ภายในปลายเดือนพฤศจิกายน
-
แต่หากสภาผู้แทนฯ เสนอบรรจุในแพ็กเกจคริปโตที่กว้างกว่าหรือปรับแก้เพิ่มเติม จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการร่วมพิจารณา อาจเลื่อนการผ่านร่างสุดท้ายไปเป็นช่วงต้นถึงกลางเดือนกันยายน 2025
ทั้งนี้ กฎหมายจะต้องได้รับการลงนามจากประธานาธิบดีก่อนวันที่ 19 กันยายน 2025 เพื่อให้สอดคล้องกับกรอบเวลาบังคับใช้ภายใน 18 เดือน